นับตั้งแต่เปิดตัวไปครั้งแรกในช่วงเดือนพฤษภาคม 2555 ปัจจุบัน เมกา บางนา (Mega Bangna) ก็ให้บริการมา 11 ปีเต็ม โดยมีจำนวนลูกค้ามากกว่า 550 ล้านคน แม้ว่าโควิดจะทำให้เมกา บางนาสะดุดไปบ้าง แต่ในปีที่ผ่านมา ทางศูนย์ฯ ก็สามารถเพิ่มจำนวนทราฟฟิกสู่ระดับ New High ได้ คำถามคือ ไม่ใช่แค่รักษาระดับทราฟฟิก แต่จะดันให้เติบโตได้อย่างไร
New High 53 ล้านคน
ในช่วงก่อนเกิดการระบาดของ COVID-19 เมกาบางนา (Mega Bangna) มียอดทราฟฟิกปีละประมาณ 50 ล้านคน แต่ในปี 2566 นี้ วรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเมกา บางนา เล่าว่า จำนวนทราฟฟิกเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ราว 10% อยู่ที่ 53 ล้านคน ซึ่งทำสถิติ New High โดยเฉลี่ยแล้วมีทราฟฟิกประมาณเดือนละ 4.4 ล้านคน โดยในวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) มีลูกค้าเฉลี่ยกว่า 1.2 แสนคนต่อวัน และมากกว่า 2.2 แสนคนต่อวัน ในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยลูกค้า
- 81% มาเพื่อทานอาหาร
- 32% ช้อปปิ้งสินค้าไลฟ์สไตล์
- 23% ซื้อของตกแต่งบ้าน
ที่น่าสนใจคือ 53% ของลูกค้ามาเป็น ครอบครัว นอกจากนี้ 40% ของลูกค้ายังมี สัตว์เลี้ยง อีกด้วย
เฟิร์สจ็อบเบอร์ เป้าหมายเพิ่มทราฟฟิก 10%
วรรณวิมล ยอมรับว่า การที่เมกา บางนาทำยอด New High ไปในปีที่ผ่านมา ปีนี้จึงถือเป็นความท้าทายว่าจะทำให้จำนวนทราฟฟิกของศูนย์ เติบโต 10% ตามเป้าอย่างไร อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ฯ มองว่า กลุ่มผู้สูงวัยและคนรักสัตว์ ถือเป็น 2 กลุ่มที่มีการเติบโตอย่างมาก อีกทั้งยังมีการใช้จ่ายที่สูง ทำให้ศูนย์ฯ ต้องการจะสร้างคอมมูนิตี้ของ 2 กลุ่มนี้เพื่อ สร้างความผูกพัน ทำให้มาบ่อยขึ้น และกลุ่มที่อยากเพิ่มจำนวนก็คือ นักศึกษา-เฟิร์สจ็อบเบอร์ ที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 22%
“กลุ่มผู้สูงวัยและคนรักสัตว์เราเห็นศักยภาพด้านกำลังการใช้จ่าย เพราะคนที่มีสัตว์เลี้ยงเขายอมจ่าย ส่วนกลุ่มผู้สูงวัยเขาไม่ได้มีภาระ แต่มีเงินพร้อมใช้จ่าย ซึ่งเราไม่ได้หวังว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้น แต่ต้องการเพิ่มความใกล้ชิด ส่วนที่เราอยากเพิ่มคือกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยและเฟิร์สจ็อบเบอร์”
ปัจจุบัน นอกเหนือจากเมกา บางนาแล้ว ฝั่งของ IKEA เป็น Pet friendly โดยอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้
ทุ่มงบการตลาด 200 ล้านจัดอีเวนต์
หนึ่งในจุดที่ วรรณวิมล จะใช้สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าก็คือ งานอีเวนต์ ซึ่งแต่ละปีเมกา บางนาจะจัดอีเวนต์เฉลี่ย 13 ครั้ง หรือเฉลี่ยราวเดือนละครั้ง และในปีนี้ศูนย์ฯ วางงบส่วนนี้ไว้ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา โดยจำนวนอีเวนต์จะเท่าเดิมแต่จะจัดใหญ่ขึ้น ซึ่งภายใน 13 อีเวนต์นี้ จะเป็น 5 งานซิกเนอเจอร์ของทางศูนย์ฯ ที่เหลือจะเป็นอีเวนต์ตามเทศกาล
“แม้เราจะต้องการจับกลุ่มผู้สูงวัย แต่คาแรกเตอร์ของเราจะต้องมีความทันสมัยตลอดเวลา และมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น อย่างช่วงสงกรานต์เราจะใช้เป็นอีเวนต์สำหรับกลุ่มผู้สูงวัยหรือกลุ่มครอบครัว ในส่วนของกลุ่มคนรักสัตว์เราก็จะมีงาน Mega Pets Day และมีสวนให้พาน้อง ๆ เดินเล่น”
นอกจากนี้ การสื่อสารของเมกา บางนาจะยังทำทั้งภายในศูนย์ฯ และบนโซเชียลมีเดีย โดยปีนี้จะเพิ่มแพลตฟอร์ม TikTok ในการสื่อสารกับลูกค้า เพราะพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลของลูกค้าแพลตฟอร์มไม่เหมือนกัน
เพิ่มแบรนด์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น
ในส่วนของร้านภายในเมกา บางนามีการเช่าเต็มพื้นที่รวมแล้ว 900 ร้าน โดยแบ่งเป็น ร้านอาหาร 30% สินค้าแฟชั่น 40% และร้านสินค้าไลฟ์สไตล์และเซอร์วิส 30% วรรณวิมล เล่าว่า ปีที่ผ่านมา ทางศูนย์ได้มีร้านที่ใหม่ อาทิ แฟลกชิปสโตร์ของ Nike, New Balance และร้าน Gentle Women มาเปิดใหม่ โดยทั้งหมดต่างเป็นแบรนด์ที่อยู่ในกระแสและเป็นที่นิยมของกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ในส่วนของร้านอาหารก็มีแบรนด์ใหม่ ๆ เช่นกัน อาทิ Sushi Seki, Ampersand, Minimelts, Toro Fries และถ้วยถัง นอกจากนี้ ส่วนต่อขยายของเซ็นทรัลก็เพิ่งเปิดไปช่วงปลายเดือนที่แล้ว
โดยในปีนี้เมกา บางนาก็มีแผนจะดึงร้านเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และร้านอาหารมาเปิดใหม่ โดยจะเห็นความชัดเจนช่วงไตรมาส 2 ของปี
“เรามองว่าสัดส่วนของร้านในศูนย์ฯ จะไม่ได้เปลี่ยนแต่มีความวาไรตี้มากขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่าเรามีสิ่งที่ตรงใจลูกค้า”
เพิ่มสมาชิก MEGA SMILE REWARDS 10%
สำหรับลอยัลตี้โปรแกรมของเมกา บางนา ก็คือ เมกา สไมล์ รีวอร์ดส (MEGA SMILE REWARDS) ที่เปิดตัวในปี 2019 ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 3.6 แสนคน แอคทีฟประมาณ 35% โดยสมาชิกมียอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จอยู่ที่ 4,500 บาทขึ้นไป โดยในปีนี้ เมกาบางนาตั้งเป้าเพิ่มสมาชิกและยอดใช้จ่ายอีก 10%
จุดที่จะดึงดูดให้ลูกค้าเป็นสมาชิกมากขึ้นก็คือ ได้แต้ม 2 ต่อ โดยนอกจากจะนำใบเสร็จสะสมคะแนนกับร้านค้าที่ซื้อ จากนี้จะสามารถนำมาสะสมกับ Mega Smile Reword ได้ด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนแต้มในแพลตฟอร์มพันธมิตรได้ ปัจจุบันมีเมกาบางนามีพาร์ตเนอร์ 2 ราย ได้แก่ ปตท. และ The 1
“Mega Smile Reword ช่วยให้เรารู้ได้ว่ากลุ่มลูกค้าเราเป็นใคร อายุเท่าไหร่ ใช้จ่ายมากแค่ไหน ซื้ออะไร และชอบแลกแต้มกับอะไร โดยเรามีตั้งแต่ของกิน ส่วนลด หรือสิทธิประโยชน์จากร้านค้าที่ร่วมรายการ”
ไม่เคยจำกัดว่าเป็น Mid-Tier!
วรรณวิมล ทิ้งท้ายว่า ศักยภาพของเมกาบางนายังไปได้อีกมาก โดยดูจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของพื้นที่แถบนี้ (โซนกรุงเทพฯ ตะวันออก) สะท้อนได้จากการเข้ามาของคู่แข่ง (แบงค็อก มอลล์ ของกลุ่มเดอะมอลล์) พร้อมย้ำว่า เมกา บางนาไม่เคยบอกว่าดีไซน์มาเป็น Mid-Tier หรือ Upper Tier และเชื่อว่าที่ศูนย์ฯ มีสินค้าที่หลากหลายและค่อนข้างครบ รวมถึงสินค้าแบรนด์ลักชัวรี่ ดังนั้น ต่อให้เป็นกลุ่มที่มี่กำลังซื้อสูงก็มีสินค้าที่ตอบโจทย์
“ตอนนี้เขามองว่าไม่ต้องเข้าเมืองก็ได้ เพราะที่นี่มีหมด และยอดใช้จ่ายก็ไม่น้อยหน้าในเมืองเลยแม้โลเคชั่นเราจะอยู่ในสมุทรปราการ และลูกค้าเราก็ไม่ได้มีแค่คนสมุทรปราการ แต่มีคนในเมืองด้วย”