‘บลูบิค’ ชี้เทรนด์ GenAI แพร่หลายมากขึ้น ชูแผน Synergies บริษัทในเครือ หาดีล M&A เพิ่ม มองรายได้โต 50% ในปีนี้

บลูบิค กรุ๊ป ประกาศแผนธุรกิจในปี 2024 โดยเทรนด์ทางเทคโนโลยีที่สำคัญที่มองคือการเข้ามาของ Generative AI ขณะที่แผนธุรกิจในปีนี้คือเน้นการ Synergies ระหว่างบริษัทในเครือ และยังมองไปถึงเป้าการทำดีล M&A เพื่อที่จะหารายได้เพิ่มเติม

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บลูบิค กรุ๊ป กล่าวถึงธุรกิจของบริษัทนั้นมี 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ Consulting Services ธุรกิจที่ปรึกษาในการวางกลยุทธ์หรือวางระบบ Digital Platform นำ Software มา Implement ให้ลูกค้า กลุ่มธุรกิจที่บริษัทได้ร่วมลงทุน และ ธุรกิจในต่างประเทศ 

ผลประกอบการของบริษัทในปี 2023 นั้น รายได้อยู่ที่ 1,313 ล้านบาท เติบโตขึ้น 133% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

สำหรับปี 2024 พชร มองว่า เศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคธุรกิจ แต่ความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังเติบโต โดยเฉพาะการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมนั้นต้องทำอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเลือกใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การทำธุรกิจ เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่าย เพื่อจะทำให้ธุรกิจให้เติบโตได้ในระยะยาว

ขณะที่เทรนด์ทางด้านเทคโนโลยีนั้น บริษัทมองว่า Generative AI (เช่น ChatGPT) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถให้กับองค์กรในปัจจุบัน และพชรมองว่าหลายบริษัทเริ่มมีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้เพิ่มมากขึ้น แต่เทคโนโลยีดังกล่าวจะต้องมีเรื่องการป้องกันภัยด้านไซเบอร์ควบคู่ไปด้วย

ประธานเจ้าหน้าที่ของบลูบิคฯ ยังกล่าวเสริมว่า “มองบริษัทไทยต้องมี Digital Transformation เพื่อเพิ่ม Productivity ไม่งั้นความสามารถในการแข่งขันสู้ไม่ได้”

กลยุทธ์หลักๆ ในปี 2024 ที่บริษัทวางไว้

  • การทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทย่อยในเครือ หรือ Synergies เพื่อที่จะสร้างรายได้ หรือนำเสนอบริการใหม่ๆ ให้กับลูกค้า รวมถึงการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale)
  • การมองหาดีล M&A เพื่อที่จะเพิ่มรายได้ โดย พชร มองว่า มีการพูดคุยดีลหลายดีล แต่หลายครั้งก็ปิดดีลไม่ได้ ซึ่งการปิดดีลได้ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง และเขายังมองว่าถ้าเชื่อมต่อ Ecosystem ของบริษัทได้จะถือว่าดีมากๆ และดีลในการซื้อธุรกิจจะต้องไม่ซ้ำกับธุรกิจเดิมของบริษัทที่มีอยู่
  • ขยายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยบริษัทมอง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเติบโตต่อเนื่อง และยังมองว่าเอากรณีศึกษาในไทยไปให้บริการในต่างประเทศได้

ขณะเดียวกันบริษัทเองก็จะหันมาเน้นรายได้จากส่วนของภาครัฐมากขึ้นด้วย ซึ่งในปี 2023 ที่ผ่านมารายได้จากภาครัฐนั้นอยู่ที่ราวๆ 5% ของสัดส่วนรายได้รวมของบริษัท

เป้าหมายในปี 2024 นี้ประธานเจ้าหน้าที่ของบลูบิคฯ ชี้ว่าบริษัทเริ่มมีรายได้ฐานสูงแล้ว แต่เขายังคาดการณ์ว่ารายได้โตมากถึง 50%