“เพชร” อัญมณีล้ำค่า คุณค่าสูงส่ง ความหมายดี มีมูลค่าสูง หายาก และด้วยเพชรเป็นสิ่งหายากนี่เองจึงมีค่าและราคาแพง ดังนั้นใครก็ตามที่มีเพชรไว้ในครอบครอง ยังบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมของชนชั้นสูง ความมั่งคง มั่งคั่ง มีฐานะและรสนิยมที่ดีของผู้ครอบครองอีกด้วย อีกทั้งเพชรยังมีความหมายดีๆ ส่งเสริมพลังบวก สร้างแรงบัลดาลใจให้กับผู้สวมใส่อีกด้วย เพราะเหตุนี้เราจึงเห็นมีเพชรแท้เพชรปลอมออกมาวางขายกันมากมาย เราในฐานะผู้บริโภคก็ต้องการที่จะได้เพชรแท้ น้ำงามๆ ไว้สวมใส่เสริมราศีให้ดูเลอค่า แต่ก็เกรงว่าจะได้เพชรปลอมไม่สมราคาที่จ่ายไป จะทำอย่างไรดี? วันนี้เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านเพชรที่จะมาเผยเทคนิคการเลือกซื้อเพชร และวิธีการตรวจสอบเพชรง่ายๆ ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ให้เราเข้าใจด้วยหลัก 4Cs ให้ได้เพชรแท้น้ำงาม มาฝากกัน….
นาย ชเนนทร์กันต์ จักรวาลวิบูลย์ Head of gems laboratory บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด “NGG JEWELLERY” อาณาจักรเครื่องประดับแท้จากธรรมชาติรวมศาสตร์และศิลป์แห่งเครื่องประดับทั้ง เพชร ทองคำ อัญมณี และนาฬิกา ที่ได้รับความไว้วางใจและอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี เผยเทคนิคการเลือกซื้อเพชร และการตรวจสอบให้ได้เพชรแท้น้ำงาม ว่า “เพชรถือว่าเป็นอัญมณีที่มีมูลค่าสูง มีความหายาก และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนบนโลกส่วนใหญ่รู้จักเพชร จากองค์ประกอบทางเคมีหลักที่แสนจะเรียบง่าย เพชรมีองค์ประกอบหลักเป็นธาตุ คาร์บอน ที่เกิดภายใต้แรงดันและความร้อนที่สูงจากใต้โลก การประเมินราคาของเพชรนั้นจึงใช้หลักง่ายๆ คือ 4Cs ซึ่งประกอบไปด้วย 1. Clarity(ความสะอาด) 2. Color (สี) 3. Cut (การเจียระไน) 4. Carat (น้ำหนัก)
- Clarity (ความสะอาด) ความสะอาดในเพชรคืออะไร? หลายท่านอาจสงสัย เป็นที่ทราบกันดีว่าเพชรเป็นอัญมณีที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ จึงทำให้มีโอกาสที่จะมีแร่ชนิดอื่นเกิดขึ้นร่วมกัน หรือมีรอยแตกต่างๆ ซึ่งจะถูกเรียกว่า Inclusions เพชรที่มี Inclusions น้อยจะยิ่งมีความหายาก และราคาสูง การจัดระดับความสะอาดจะมีชื่อเรียกต่างๆ ตามระดับความสะอาด เช่น Flawless, internal flawless, VVS1, VS1 เป็นต้น ซึ่งชื่อเหล่านี้จะเป็นตัวบอกถึงปริมาณ และตำแหน่งของ Inclusions ของเพชรเม็ดนั้นๆ การจัดระดับความสะอาดนั้น จำเป็นจะต้องใช้นักอัญมณีศาสตร์ที่มีความชำนาญในการจัดระดับ เพื่อให้ได้มาตรฐานจะใช้นักอัญมณีศาสตร์ตั้งแต่สองคนขึ้นไปในการจัดระดับ และจะต้องให้เกรดตรงกัน สองในสาม จึงจะถือว่าเกรดนั้นถูกต้อง
- Color (สี) การจัดระดับสีเพชร เป็นการจัดระดับสีของเพชรว่า เพชรมีสีใสไม่มีสี ถึงสีเหลืองมากน้อยเพียงใด เพชรที่มีเกรดดีที่สุดคือ สี D หรือ น้ำร้อย คือเป็นเพชรที่ใสไม่มีสีมากที่สุด การจัดระดับสีเพชร นักอัญมณีศาสตร์ จะนำเพชรสีมาตรฐานมาเปรียบเทียบกับเพชรที่ต้องการจัดระดับว่าตรงกับช่วงสีใด ภายใต้แสงไฟ และสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม เพื่อให้ได้สีที่ถูกต้อง จะถูกทำการจัดระดับเช่นเดียวกับการจัดระดับความสะอาด คือต้องให้นักอัญมณีศาสตร์ทำการจัดระดับสีเพชรให้ตรงกันอย่างน้อยสองในสามสี จึงจะถือว่าเกรดนั้นถูกต้อง
- Cut (การเจียระไน) เหลี่ยมเจียระไนที่เป็นที่นิยมมากสำหรับเพชรนั้นคือการเจียระไนแบบ Brilliant cut หรือเหลี่ยมเกสร และรูปร่างที่เป็นที่นิยมคือรูปร่างกลม การเจียระไน คือการทำให้เพชรที่คุณค่ามากขึ้น ทำให้เพชรได้ส่องประกายได้อย่างสวยงาม การที่จะทำให้เพชรมีประกายสวยงามได้ จะต้องมีการเจียระไนที่มีสัดส่วน สมมุติ และการขัดเงาที่ถูกต้อง การจัดระดับการเจียระไน จะเป็นการวัดสัดส่วน องศา ของเหลี่ยมต่างๆ การใช้นักอัญมณีศาสตร์ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ จึงมีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์หาสัดส่วน ตรวจสมมุติต่างๆของเพชร จากนั้นนักอัญมณีศาสตร์ จะมาตรวจดูความเรียบร้อยของการขัดเงา ซึ่งได้ผลการจัดระดับที่ถูกต้อง จะทำเช่นเดียวกับการจัดระดับของความสะอาด และสี
- Carat(น้ำหนัก) คำว่า กะรัต มาจากเมล็ดพืชชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Carob เป็นพืชที่มีอยู่ในแถบตะวันออกกลาง ในสมัยก่อนที่จะมีเครื่องชั่งที่เป็นมาตรฐาน เมล็ด Carob ถูกนำมาใช้แทนตุ้มน้ำหนักในการชั่งอัญมณี น้ำหนัก1กะรัตเท่ากับ 0.2 กรัม การซื้อขายเพชรนอกเหนือจากเรื่องคุณภาพความสะอาด และสี น้ำหนักถือเป็นปัจจัยที่มีผลต่อด้านราคาเช่นกัน เนื่องจากราคาของเพชรที่มีน้ำหนักมาก เมื่อเทียบอัตราส่วนแล้วจะมีราคาที่สูงกว่าเพชรที่มีน้ำหนักน้อย สมมุติว่าเพชรน้ำหนัก 1 กะรัต มีราคา สามแสนบาทต่อกะรัต เพชร 2 กะรัตที่มีคุณภาพเท่ากัน ราคาสี่แสนบาทต่อกะรัต เนื่องจากยิ่งเพชรที่มีน้ำหนักมาก ยิ่งหายาก ราคาต่อหน่วยจึงยิ่งสูง จึงทำให้หลายๆคนชอบเพชรที่มีน้ำหนัก 0.97 – 0.99 กะรัต เนื่องจากจะมีขนาดใกล้เคียงกับเพชรน้ำหนัก 1 กะรัต แต่ได้ราคาที่ถูก
นอกจากหลัก 4Cs แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างคือความเป็นธรรมชาติของเพชรหรือเป็นเพชรธรรมชาติไม่ใช่เพชรสังเคราะห์อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าเพชรคือแร่ที่มีองค์ประกอบหลักเป็นคาร์บอนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติโดยที่ไม่มีมนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้องเกิดภายใต้ความร้อนและแรงดันที่สูง
ส่วนเพชรปลอม หรือที่เราเรียกว่า เพชรสังเคราะห์ ก็คือเพชรที่มีองค์ประกอบหลักคือธาตุคาร์บอนเช่นเดียวกับธรรมชาติ แต่การเกิดมีมนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยวทำให้เกิดเป็นผลึกขึ้นมา มีวิธีการสังเคราะห์หลักอยู่สองวิธี คือ HPHT และ CVD เพชรสังเคราะห์มีชื่อเรียกได้หลากหลายชื่อ เช่น เพชรHPHT, เพชร CVD, Synthetic diamond, Lab grown diamond, Laboratory grown diamond, Vegan diamond เพชรสังเคราะห์จะมีการเกิดที่ไม่เหมือนกับเพชรธรรมชาติ การแยกแยะเพชรธรรมชาติกับเพชรสังเคราะห์ออกจากกัน ไม่สามารถที่จะใช้ตาเปล่า หรือกล้องส่องกำลังขยาย 10 เท่าที่เรียกกันว่า ลูป แม้กระทั้งกล้องไมโครสโคปกำลังขยาย 45 – 60 เท่า ไม่สามารถที่จะเห็นความแตกต่างของเพชรธรรมชาติกับเพชรสังเคราะห์ ในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ใช้ในการแยกแยะ ทั้งแบบเป็นเครื่องมือขนาดเล็กที่มีผลบอกว่าเพชรเม็ดนี้ผ่านหรือไม่ผ่าน ซึ่งเครื่องเหล่านั้นจะมีความแม่นยำของผลอยู่ที่ไม่เกิน 90% แต่เครื่องมือที่ทาง ห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณี ของ “NGG JEWELLERY” ใช้นั้นเป็นเครื่องมือเฉพาะเจาะจงในการดูลักษณะร่องรอยการเจริญเติบโตของผลึกเพชรที่จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนได้ผลการตรวจสอบ 100% แต่การตรวจสอบนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะเพื่อดูถึงโครงสร้าง และจำเป็นที่จะต้องใช้นักอัญมณีศาสตร์ที่มีความชำนาญโดยเฉพาะถึงจะสามารถแยะแยะได้ ซึ่งเครื่องมือชนิดนี้ทางห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณี ของ “NGG JEWELLERY” เขาใช้ตรวจสอบเพชรทุกเม็ดทุกกะรัต เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าเพชรทุกเม็ดของ NGG ได้ผ่านเครื่องมือ และนักอัญมณีศาสตร์ที่มีความชำนาญทุกเม็ด จึงทำให้เพชรของทาง NGG มีคุณภาพที่ตรง และทำให้ผู้ชื้อมั่นใจได้ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นเพชรธรรมชาติอย่างแน่นอน
เพียงนำเทคนิคง่ายๆไปลองใช้กันต่อไปเราก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าโดนหลอกให้ซื้อเพชรปลอมหรือจะให้แน่ใจก็เลือกซื้อจากร้านที่มีใบเซอร์ฯ GIA เชื่อถือได้และมีห้องแล็บที่มีเครื่องมือที่ทันสมัย ผสานเทคโนโลยีที่แม่นยำ และยิ่งมีนักอัญมณีศาสตร์ที่มีความชำนาญมาช่วยตรวจสอบทุกเม็ด พร้อมใบรับประกันคุณภาพ แค่นี้เราก็จะได้เพชรแท้ น้ำงาม มาสวมใส่ ได้อย่างเชิดฉาย ….