NIQ จับมือ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมปฏิวัติการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจการค้าปลีกในประเทศไทย

NIQ บริษัทวิจัยผู้บริโภคชั้นนำของโลกได้ประกาศความร่วมมือกับ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป (Central Food Group – CFG) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล หนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอาหารในประเทศไทย ครอบคลุมแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ต ระดับพรีเมียม ตลอดไปจนถึงร้านสะดวกซื้อและร้านค้าปลีกสินค้าเฉพาะ ทั่วประเทศไทย ความร่วมมือครั้งนี้จะปรับ เปลี่ยนนิยามใหม่ด้านภูมิทัศน์การค้าปลีกโดย NIQ จะมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและแนวโน้มของตลาดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งสามารถรองรับภูมิทัศน์ของผู้บริโภคในประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

สององค์กรได้ประกาศถึงความร่วมมือดังกล่าวโดยมีกลุ่มผู้ผลิตและพันธมิตรมากกว่า 200 รายเข้าร่วมงานนี้ ซึ่งตอก ย้ำให้เห็นถึงการสนับสนุนของภาคอุตสาหกรรมและความสำคัญของข้อมูลที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่อประสบการณ์การค้าปลีก ด้วยการรวบรวมแพลตฟอร์ม NIQ Activate เข้ากับเครือข่ายด้านค้าปลีกที่ครอบคลุมและกว้างขวาง ของเซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ผลิตได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้กับธุรกิจได้ ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนและดำเนินการเชิงกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพรวมของผู้บริโภคในประเทศไทยปี พ.ศ. 2567

ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาปัจจุบันที่ผู้บริโภคมีความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ข้อมูลจากรายงาน Consumer Outlook 2567 เปิดเผยว่า ในขณะที่ผู้บริโภคชาวไทย 44% มองเห็นถึงข้อดีเกี่ยวกับโอกาสทางการเงินของตน แต่คนส่วนใหญ่ถึง 75% มีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ จากรายงาน Consumer Outlook 2566) ทั้งนี้ ผู้บริโภคในประเทศไทยที่ตอบแบบสำรวจพบว่า 98% ได้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค FMCG เนื่องจากต้องการบริหารการเงิน สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่าง NIQ-CFG กับเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ เพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภาพรวมของ ผู้บริโภคในประเทศไทย

นอกจากนี้ จากรายงานถึงความกังวลของผู้บริโภคชาวไทย สิ่งที่จัดเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น (72%) การชะลอตัวของเศรษฐกิจ (42%) และความไม่มั่นคง/การสูญเสียงาน (36%)  ซึ่งข้อกังวลสามอันดับ  แรกนั้นจะคล้ายกับปี พ.ศ. 2566 โดยสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นข้อกังวลอันดับหนึ่งของคนไทย ตามมาด้วยราคาอาหารที่สูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ในปี พ.ศ. 2566 คนไทยได้ประสบกับปัญหาค่าไฟที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าอาหารก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความขัดแย้งและวิกฤตระดับโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ส่งสัญญาณถึงความตระหนักรู้ที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและพฤติกรรมการใช้จ่าย เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ผู้บริโภคชาวไทยถึง 98% ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อจัดการกับการใช้จ่ายในสินค้า FMCG โดยมียอดเฉลี่ยที่ 4.7 กลยุทธ์ต่อคน ซึ่งกลยุทธ์ต้นๆพบว่า 46% ของผู้บริโภคเปลี่ยนมาซื้อของออนไลน์เพื่อโอกาสในการรับข้อเสนอที่ดีกว่า ในขณะเดียวกันก็ประหยัดน้ำมันด้วยการลดการเดินทางไปยังร้านค้า กลยุทธ์การซื้อของออนไลน์ที่มีเพิ่มขึ้นนั้นเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาตามแพลตฟอร์มต่างๆ โปรโมชั่นต่างๆ อย่าง 11.11 หรือ 12.12 ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถรับส่วนลดสินค้าอุปโภคบริโภคได้ถึง 80% หรือมากกว่านั้น

แม้ว่าผู้บริโภคจะมีความกังวลในช่วงต้นปี พ.ศ. 2567 แต่ผู้บริโภค 44% ก็ยังมองในแง่ดีว่าสถานการณ์ทางการเงินจะดีขึ้นภายในสิ้นปี พ.ศ. 2567 การมองโลกในแง่ดีนี้ บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกในพฤติกรรมผู้บริโภคที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2567

อีกหนึ่งข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญคือ ผู้บริโภคชาวไทยจะมีรสนิยมหลากหลายเพิ่มมากขึ้น โดยจะชอบเฟ้นหาทานอาหารรสชาติหลากหลายจากทั่วโลก เทรนด์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความอยากรู้ด้านการทำอาหารเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความต้องการทางด้านคุณภาพและประสบการณ์ระดับพรีเมียมในการบริโภคอาหารที่กว้างขึ้นอีกด้วย

เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเทรนด์เหล่านี้ ในการขยายฐานการนำเข้าสินค้าให้มากขึ้น กลยุทธ์นี้พัฒนามาจากข้อมูลผู้บริโภคของ NIQ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการของตลาดในการซื้อสินค้านำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ตั้งเป้าทึ่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า สร้างความพึงพอใจ และความภักดีของลูกค้า ด้วยการนำเสนอสินค้านำเข้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

“ความร่วมมือของเรากับ NIQ ครั้งนี้ มีความสำคัญมาก เพราะสะท้อนให้เห็นถึงพันธะสัญญาของเราที่จะทำความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก และมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ด้านอาหารระดับนานาชาติควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อคุณภาพของอาหารที่นำเสนอให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไป” คุณธนวัตร จิรจริยาเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าว

ความร่วมมือระหว่าง NIQ และ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ครั้งนี้  จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่  เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกลุ่มผู้ผลิตที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติตามได้ ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนให้ตรงกับตามความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อยอดขายและกำไรที่มากขึ้น ในส่วนของกลุ่มผู้ค้าปลีก สามารถปรับกลยุทธ์สินค้าคงคลังและกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสม ที่จะนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของกลุ่มลูกค้า นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้า ก็จะได้รับประโยชน์จากประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลได้มากขึ้น และสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่มีให้เลือกซื้อหลากหลาย สอดคล้องกับความชอบและไลฟ์สไตล์ของตน

คุณธนวัตร กล่าวว่า “เราไม่ได้ดำเนินการเพียงแค่นำข้อมูลมาปรับใช้เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภคเพียงเท่านั้น เรายังคิดเผื่อไปถึงต้นน้ำ ตั้งแต่ผู้ผลิต สรรหาวิธีที่จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถที่จะพัฒนาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้ เราจึงสนับสนุนให้ผู้ผลิตใช้แพลตฟอร์มนี้ เพื่อให้ผู้ผลิต มีทิศทางในการนำเสนอสินค้าที่ถูกต้องและถูกใจผู้บริโภค”

“ด้วยประสบการณ์และความน่าเชื่อถือของ NIQ ทำให้ NIQ เป็นพันธมิตรที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรา แพลตฟอร์มของ NIQ จะช่วยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ที่ครอบคลุม ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจ ด้วยข้อมูลที่น่าเชื่อถือในทุกขั้นตอนของกระบวนการค้าปลีก และเรามั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนความ    สำเร็จให้กับ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ผู้ผลิตของเรา และที่สำคัญที่สุดก็คือ กลุ่มลูกค้าคนสำคัญของเราไปพร้อมๆ กันด้วย” คุณธนวัตร กล่าวเสริม

ท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจ คุณชินตา ศรีจินตอังกูร จาก NIQ ได้ตอกย้ำถึงการขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์สู่การมีสุขภาพที่ดีและการเลือกสินค้าที่จำเป็น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ นอกจากนี้ เทรนด์ผู้บริโภคใหม่ยังแสดงให้เห็นว่า 48% ของผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงขยะ โดยจะซื้อของเฉพาะสิ่งที่พวกเขาจะใช้ และ 33% มีความตระหนักด้านสุขภาพมากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้น “แม้จะมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ แต่ผู้บริโภคก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในด้านการลงทุนในสิ่งที่จำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดีของตน ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการจัดลำดับความสำคัญของความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค” คุณชินตา กล่าว โดยเน้นย้ำถึงความสามารถในการปรับตัวของผู้บริโภคชาวไทยในการเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจโดยคำนึงถึงสุขภาพด้วย

ส่งเสริมพลังการตัดสินใจแบบเชิงกลยุทธ์

ความร่วมมือระหว่าง NIQ- เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป เป็นมากกว่าการยกระดับการดำเนินงานด้านการค้าปลีก โดยยกให้แพลตฟอร์ม NIQ Activate เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งช่วยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ความร่วมมือนี้พร้อมที่จะขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรม โดยตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและแนวโน้มของผู้บริโภคในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญ “เมื่อเรามองไปข้างหน้า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในการวิเคราะห์ด้านการค้าปลีก องค์กร NIQ และ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อตลาดในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังช่วยกำหนดภูมิทัศน์การค้าปลีกในอนาคต ด้วยการปรับตัวและการคาดการณ์แนวโน้มของผู้บริโภคที่มีอย่างต่อเนื่อง เราได้ร่วมมือกัน และมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ นวัตกรรมให้ทันความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้มั่นใจว่าภาคการค้าปลีกของประเทศไทยจะสามารถตอบสนองความคาดหวังและทำได้เกินความคาดหวังของผู้บริโภคได้” คุณชินตา กล่าวเสริม

การเลือกบริการและแพลตฟอร์มของ NIQ ของ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ช่วยตอกย้ำถึงความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ของ NIQ ด้วยความเชี่ยวชาญในด้านข่าวกรองของผู้บริโภคที่มีมาหลายปี รวมถึงประสบการณ์ในการมอบข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ให้กับธุรกิจทั่วโลก ทำให้ NIQ เป็นผู้สนับสนุนที่ดีที่สุดของ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ในการบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ความมุ่งมั่นของ NIQ ในด้านนวัตกรรมและประสบการณ์ในการคาดการณ์และตอบสนองต่อแนวโน้มของผู้บริโภค ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในความสามารถของการเป็นหุ้นส่วนในการขับเคลื่อนผลลัพธ์เชิง บวกให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ก้าวเข้าสู่โลกการค้าปลีกใหม่แบบ win-win-win

NIQ Activate ช่วยขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมที่สำคัญสำหรับผู้ค้าปลีก แบรนด์ และลูกค้า ด้วยแพลตฟอร์มการทำงาน ร่วมกันบนพื้นฐานเทคโนโลยี AI ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ SaaS โดยจะนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับการวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทาน การวิเคราะห์การแบ่งประเภทและการส่งเสริมการขาย การวิเคราะห์หมวดหมู่และลูกค้า การจัดการข้อเสนอเฉพาะบุคคล และระบบอัจฉริยะด้านสื่อการค้าปลีกแก่ผู้ใช้รายย่อยและแบรนด์

NIQ Activate จะช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตดำเนินไปได้ง่ายขึ้น ก่อให้เกิดการเติบโตที่มีผลกำไรร่วมกัน ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับ NIQ Activate และการขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกในการดำเนินงานได้