UOB มองเศรษฐกิจไทยยังคงอ่อนแอ แม้ได้ภาคการท่องเที่ยวช่วยไว้ แนะนำลงทุนกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นปันผลดี

Photo : Shutterstock
ยูโอบี (UOB) ได้คาดการณ์ว่าอาจปรับลดตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วง 2 เดือนแรก แม้ว่าจะมีภาคการท่องเที่ยวช่วยไว้ก็ตาม นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มปันผลนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงเวลาตลาดมีความผันผวน

เอ็นริโก้ ทานูวิดจายา นักเศรษฐศาสตร์ Global Economics and Market Research กลุ่มธนาคารยูโอบี ได้กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมาว่ามีความท้าทาย และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกนั้นเพิ่มมากขึ้น ทางด้านเรื่องของความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ นั้นมีผลกระทบต่อราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น 

ในส่วนของเศรษฐกิจโลก เอ็นริโก้ มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังมีความแข็งแกร่งอยู่ แม้ตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวนั้นจะปรับตัวลดลงมาก็ตาม ทำให้เขามองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้เริ่มต้นในเดือนกันยายน และในช่วงปลายปีอีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่เศรษฐกิจจีนเขามองว่าชะลอตัวลง แต่มีเสถียรภาพมากขึ้น ตรงข้ามกับอินเดียที่เติบโตอย่างมาก และเขามองว่าอินเดียจะเป็นดาวเด่นทางเศรษฐกิจด้วย

ข้อมูลจาก UOB

ชี้เศรษฐกิจไทยอ่อนแอ แม้ท่องเที่ยวจะเป็นพระเอกก็ตาม

นักเศรษฐศาสตร์ Global Economics and Market Research กลุ่มธนาคารยูโอบี ยังได้กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยว่าเศรษฐกิจไทยนั้นได้กลับมาเติบโตเท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิดแล้ว แต่การเติบโตนั้นกลับไม่เท่ากันจะเห็นได้จากภาคบริการเติบโตมากกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดไปแล้ว แต่หลายอุตสาหกรรมเองกลับไม่ฟื้นตัวกลับมา เช่น ภาคการผลิต เป็นต้น

เขากล่าวว่าภาคการท่องเที่ยวที่เป็นพระเอกของเศรษฐกิจไทยนั้น นักท่องเที่ยวชาวจีนได้กลับมาแล้ว แต่ไทยเองยังต้องการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ขณะเดียวกันภาคการส่งออกของไทยเขาก็มองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

อย่างไรก็ดี เอ็นริโก้ มองว่าเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะตัวเลขการเติบโตของเงินให้สินเชื่อของสถาบันการเงินไทยที่เติบโตติดลบ แสดงให้เห็นการบริโภคภายในประเทศถือว่าอ่อนแอมาก ทำให้เขามองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา 2 ครั้งในปีนี้ โดยเริ่มต้นในเดือนมิถุนายน และในช่วงปลายปี

UOB ได้คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2024 ในรายงานล่าสุดอยู่ที่ 2.8% แต่ เอ็นริโก้ มองว่าอาจมีความเสี่ยงขาลงจากตัวเลขทางเศรษฐกิจ 2 เดือนแรกของปีแย่กว่าคาด และอาจมีการปรับประมาณการใหม่ เขาคาดว่า GDP ไทยจะเติบโตแค่ 2.4-2.5% ถ้าหากมีการประมาณการตัวเลขใหม่

สำหรับค่าเงินบาทของไทย เขาไม่ได้กังวลมากนัก และมองว่าเม็ดเงินจะไหลออกระยะสั้นเท่านั้น แต่มองว่าค่าเงินบาทของไทยมีเสถียรภาพเนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดยังเป็นบวก นอกจากนี้ถ้าหากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ก็จะทำให้ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าด้วย

ข้อมูลจาก UOB

หุ้นปันผล อีกหนึ่งทางเลือกลงทุน

เอเบล ลิม Head of Wealth Management Advisory and Strategy กลุ่มธนาคารยูโอบี ได้กล่าวถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะมีอุปสรรคมากมาย เช่น ความไม่แน่นอน แต่ก็พบว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังเติบโตได้ดี ขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในสภาวะฟื้นตัว ขณะที่ญี่ปุ่นตลาดหุ้นทำผลตอบแทนได้ดีมาก บริษัทญี่ปุ่นยังเติบโตได้ ทางฝั่งยุโรปพบว่ามีเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาส 1 ปีที่แล้วแต่บริษัทหลายแห่งกลับยังทำผลงานได้ดี

เขากล่าวยังว่า “เนื่องจากตลาดมีความอ่อนไหวต่อดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางอัตราการเติบโตและการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่แตกต่างกัน การสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอผ่านการลงทุนในหุ้นปันผลจึงเป็นสิ่งสำคัญ” โดยเขายกเหตุผลถึงถ้าหาก Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็จะเป็นผลดีกับหุ้นปันผลด้วย

ในส่วนของการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อเสริมพอร์ตการลงทุนหลัก UOB ได้แนะนำ 4 กลุ่มได้แก่ หุ้นเติบโตขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ (High Quality) หุ้นกลุ่ม Healthcare หุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น รวมถึงหุ้นในอาเซียน

ขณะที่ความเสี่ยงของการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2024 นี้ที่ UOB มองไว้ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อลดลงได้ช้ากว่าคาด ส่งผลทำให้ธนาคารกลางต้องคงดอกเบี้ยสูงเป็นระยะเวลานาน และยังรวมถึงความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐกับจีนจะขยายตัวขึ้น