บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท หรือ “SVR” เปิดเกมรุกยกระดับการพัฒนา Upgrade โครงการทุกระดับ จากระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท สู่ระดับราคา 16-20 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ New target group พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้โตเฉลี่ย 35% ต่อปี
นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบกับทุกอุตสาห กรรมไปทั่วโลก ซึ่ง SVR ในฐานะผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ภายใต้แนวคิดที่จะ upgrade กลุ่มลูกค้าที่เป็น New target group โดยการพัฒนาสินค้าในระดับราคาที่สูงกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายการเติบโตให้กับธุรกิจ โดยโครงการแรกที่มีการ upgrade ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของ SVR เริ่มตั้งแต่ปี 2564 ภายใต้โครงการ แกรนด์ สิวารมณ์ จำนวน 222 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวขนาด 40-60 ตารางวา ที่ระดับราคา 4-6 ล้านบาท ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้าและเป็นโครงการที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ SVR มีการ Upgrade และพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับวัตถุประสงค์การระดมทุนผ่านการเสนอขาย IPO ภายใต้การนำเงินทุนที่ได้ ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยบริษัทฯ ได้มีการซื้อที่ดินสำหรับรองรับโครงการใหม่ๆ ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ สิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 91 ยูนิต ที่ระดับราคา 6-7 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวได้มีการเปิดขายตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยล่าสุดมียอดโอนแล้ว 12 ยูนิต และคาดว่าตั้งแต่ พ.ค. จะมีโอนเฉลี่ยแต่ละเดือนประมาณ 4-5 ยูนิตขึ้นไป
สำหรับโครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) ถือเป็นโครงการหลักหนึ่งโครงการที่สร้างรายได้ให้กับ SVR ในปี 2567 นี้ สำคัญโครงการดังกล่าวถือเป็นก้าวที่สองของการ upgrade เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน โครงการ สิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) สามารถชำระหนี้โครงการแล้วมากกว่า 50-60% โดยคาดว่าภายในเดือน ก.ค.นี้ จะสามารถชำระหนี้ที่กู้ยืมให้กับสถาบันการเงินได้ครบทั้งหมด และคาดว่าภายในปี 2568 จะสามารถปิดการขายโครงการได้อย่างแน่นอน
นายรณฤทธิ์ กล่าวย้ำว่า ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สินค้าของ SVR อยู่ที่ระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าในช่วงวิกฤตโควิด-19 ลูกค้าในกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบสูงสุด เนื่องจากสถาบันการเงินมีการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้อัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อในลูกค้ากลุ่มดังกล่าวสูงเกินกว่า 50% ดังนั้นการ Upgrade กลุ่มลูกค้าที่เป็น New target group ถือเป็นการเปิดเกมรุกในการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าใหม่ๆ ส่งผลให้บริษัทฯ เร่งขยายโครงการในทำเลใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการระดับ 4-6 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มบริเวณติดกับโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ เพื่อขยายโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ เฟส 2 ในช่วงปลายปี 2567 นี้ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ ที่มีกำลังซื้อและยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ยังคงมองหาที่ดินในทำเลใหม่เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในระดับราคา 6-7 ล้านบาทเพิ่ม หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) มาแล้ว และในเร็วๆนี้ SVR เตรียม Upgrade ยกระดับการพัฒนาโครงการสู่ UPPER CLASS ภายใต้โครงการสิวารมณ์ ไฮด์ (บางแค-สาทร) ซึ่งเป็นบ้านระดับราคา 16-20 ล้านบาทต่อยูนิต โดยจะเปิดขายในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับ High-End ซึ่งสอดรับกับการขยายตัวของทำเลที่อยู่อาศัย NEW LIVING COMMUNITY มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จาก 2 โครงการแรกที่บริษัทฯ ได้ Upgrade ฐานลูกค้าใหม่ สู่การขยายไปยัง UPPER CLASS สะท้อนถึงความสำเร็จในการพัฒนาโครงการของ SVR ให้ครอบคลุมทุกมิติของที่อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
“สำหรับแผนในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 35% ต่อปี ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องเร่งเตรียมความพร้อมในการหาที่ดิน ซื้อที่ดิน โดยบริษัทฯ จะมีการตัดสินใจซื้อที่ดินล่วงหน้าก่อนพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปี เพื่อสร้างโครงการใหม่ๆ รองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัย ดังนั้นการรับรู้รายได้ให้ได้ตามเป้าหมายในแต่ละไตรมาสและในแต่ละปีนั้น บริษัทฯ จึงต้องเร่งวางแผนการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการให้ทันกับเป้าที่วางไว้”