“รางวัล SME ดาวรุ่ง” จากเวที “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2023” ถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลระดับประเทศที่ไม่ว่า SME หรือผู้บริโภคต่างจับตามอง เพราะ SME ที่จะผ่านเกณฑ์การตัดสิน จนได้รับรางวัลนี้ได้นั้นจะต้องเป็น SME ที่มีสินค้าใหม่วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 2-3 ปี ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างรวดเร็วและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มี SME ที่ได้รับรางวัล SME ดาวรุ่งสูงถึง 6 ราย
โดย SME 2 ใน 6 ราย ที่จะชวนมาเปิดวาร์ปดาวรุ่ง พุ่งแรงได้แก่ บริษัท รัชชา ไลฟ์ จำกัด เจ้าของ “พรีเซรั่มรัชชาวิตซีแอดวานซ์” (วิตซีน้องฉัตรซองคู่) ที่สร้างชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ และบริษัท เป็ปเวลธ์ จำกัด เจ้าของ “ผลิตภัณฑ์ลอดช่องไทย-ขนมครกใบเตย” แบรนด์ “มหานคร” ที่มีแพ็กเก็จจิ้งที่ทันสมัย สะดวกต่อการรับประทาน จนสามารถครองใจผู้บริโภค และเติบโตต่อเนื่อง
จากพ่อค้าตลาดนัด สู่เจ้าของ “วิตซีน้องฉัตร” ที่เตรียมส่งแบรนด์โกอินเตอร์
นนท์-รัชชานนท์ พุฒซ้อน SME คนรุ่นใหม่ไฟแรงอายุ 32 ปี เจ้าของแบรนด์ รัชชา ไลฟ์ (Ratcha Life) ผู้อยู่เบื้องหลัง “พรีเซรั่มรัชชาวิตซีแอดวานซ์” (วิตซีน้องฉัตรซองคู่) สินค้าที่คนทั้งประเทศรู้จักเป็นอย่างดี เล่าย้อนเส้นทางของการก้าวสู่ SME ดาวรุ่งให้ฟังว่า เขาเริ่มต้นทำธุรกิจจากการเป็นพ่อค้าขายเครื่องสําอางตามตลาดนัด ค่อยๆ ไลฟ์สดจนเป็นที่รู้จักและได้รับความไว้ใจ จนวันหนึ่งจึงมีแนวคิดที่จะผลิตสินค้าแบรนด์ของตัวเองออกจำหน่าย ภายใต้แนวคิด “ต้องมีของที่ดีอยู่ในมือ” เพราะเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคตามหาของดี และของที่ดีจะขายตัวของมันเองได้
การคิดค้นพัฒนาสูตรกับทีมวิจัยผลิตภัณฑ์ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกของแบรนด์คือ Vit c Bio Face Serum หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วิตซีน้องฉัตร” ที่มีคุณสมบัติดูแลปัญหาสิว สิวอักเสบ สิวอุดตัน ลดรอยดำรอยแดงจากสิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว โดยในช่วงแรกได้ทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เมื่อผู้บริโภคใช้จริงและได้ผลดีก็เกิดการบอกต่อ ประกอบกับทางแบรนด์ได้พรีเซ็นเตอร์ “น้องฉัตร” เมคอัพอาร์ตทิสชื่อดังที่ใช้สินค้าจริงมาช่วยทำการตลาด ส่งผลให้สินค้าเป็นที่รู้จักและได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว
“นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2560 ก็มุ่งทำตลาดออนไลน์เป็นหลัก กระทั่งในปี 2565 มองว่าการทำตลาดออนไลน์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ เนื่องจากมีเสียงจากลูกค้าว่าอยากให้ขายในร้านค้าปกติด้วย จึงมองหาช่องทางออฟไลน์เพิ่มเติม และเซเว่น อีเลฟเว่นก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้สะดวกและรวดเร็ว มีจำนวนสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 14,000 สาขา จึงได้ปรับแพ็กเก็จจิ้งใหม่ให้สอดรับกับกลุ่มลูกค้าของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จนได้เป็น “พรีเซรั่มรัชชาวิตซีแอดวานซ์” (วิตซีน้องฉัตรซองคู่) และเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2565 ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายทั้งหมด 7 รายการ และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทมีแผนจะนำสินค้าไปจำหน่ายในต่างประเทศอีกด้วย เริ่มต้นจากประเทศแถบเอเชียก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา รวมถึงอาจแตกไลน์สินค้าสู่กลุ่มเมคอัพเพิ่มเติมในอนาคต” นนท์ กล่าว
“ลอดช่องไทยพร้อมทาน” ยกระดับสู่ขนมครกสิงคโปร์ ในรูปแบบไทยสไตล์
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบขนมไทย เชื่อว่า “ลอดช่อง” คงเป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยลำดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่มีข้อจำกัดที่อาจจะรับประทานยากเสียหน่อย เนื่องจากลอดช่องที่วางขายในตลาดส่วนใหญ่จะขายแบบแยกน้ำกะทิกับตัวลอดช่อง อาจทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานในทันที รวมถึงในบางพื้นที่อาจหาซื้อได้ยาก ทำให้เกิดช่องว่างในการเข้าถึงสินค้าของผู้บริโภค
จากช่องว่างดังกล่าว เอก-เอกรัฐ พยัคฆพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เป็ปเวลธ์ จำกัด เจ้าของขนมแบรนด์ “มหานคร” จึงปิ๊งไอเดียหันมาพัฒนาลอดช่องไทยพร้อมทานเพิ่มอีกหนึ่งรายการ เพื่อยกระดับลอดช่องไทยสู่ร้านค้าโมเดิร์นเทรด ในรูปแบบที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมากขึ้น
“บริษัทได้ขอเข้ารับคำปรึกษาจากทาง เซเว่น อีเลฟเว่น และร่วมกันพัฒนาสินค้า ภายใต้โจทย์ตัวลอดช่องต้องไม่แข็งเมื่อแช่เย็น อายุการเก็บรักษานานขึ้นแม้จะอยู่ในน้ำกะทิ และยังต้องคงเอกลักษณ์ความเป็นลอดช่องได้อย่างครบถ้วนคือ น้ำกะทิต้องกลมกล่อม หอมน้ำตาลปึก ตัวลอดช่องต้องมีความหอมจากใบเตย โดยใช้เวลาร่วมกันคิดค้นราว 1 ปี จึงออกมาเป็นลอดช่องในน้ำกะทิพร้อมทานบรรจุถ้วย ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตัวลอดช่องยังคงความหอมใบเตย ไม่แข็งแม้แช่เย็น รสชาติยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของลอดช่อง มีอายุการจัดเก็บยาวนานขึ้นคือประมาณ 7 วันในตู้เย็น จากเดิมที่ลอดช่องในน้ำกะทิมีอายุไม่เกิน 1 วัน ที่มาในแพ็กเก็จจิ้งแบบถ้วย สะดวกพร้อมทาน หลังวางจำหน่ายได้เพียง 2-3 ปี ก็พบว่ากระแสการตอบรับค่อนข้างดี” เอก กล่าว
แต่เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย บริษัทจึงนำลอดช่องมาแบ่งบรรจุถุงแบบแยกเนื้อแยกน้ำในขนาดบรรจุ500 กรัม เพื่อจำหน่ายผ่านช่องทาง ALL ONLINE ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการซื้อในปริมาณที่มากขึ้นหลังจากที่บริษัทพัฒนาสินค้าให้เหมาะกับแต่ละช่องทางจัดจำหน่าย ส่งผลให้บริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% ต่อเนื่อง จากเดิมที่ไม่ถึง 10%
แม้ลอดช่องจะได้รับการตอบรับที่ดี แต่บริษัทก็ยังไม่หยุดพัฒนา โดยสินค้าตัวล่าสุดที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือขนมครกสิงคโปร์ ที่มีความหอมของใบเตย ซึ่งเป็นการต่อยอดจากลอดช่องที่ต้องใช้ใบเตยเป็นวัตถุดิบหลักเหมือนกัน มาใส่ในขนมครกสิงคโปร์ ทำให้ขนมครกสิงคโปร์เป็นขนมที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยเพิ่มเข้ามา ถือเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาด และมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ จากการตอบรับที่ดีของทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ทางบริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้ายกระดับขนมไทยต่อไป เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงขนมไทยได้ง่ายขึ้น
จากการบอกเล่าเส้นทางการเติบโตและทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตของทั้ง 2 SME ดาวรุ่ง ทำให้เห็นความมุ่งมั่นของซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่นที่นอกจากจะให้ช่องทางการขายแล้วยังจริงจังในการสร้างอาชีพให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 สร้าง ตามกลยุทธ์ความยั่งยืน เมื่อบวกกับศักยภาพของ SME ไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก จึงเป็นการผสานมือที่ทำให้เป็นขุมพลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งในอนาคต