นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิ จของไทย ในไตรมาส 2 ปี 2567 ยังมีสัญญาณฟื้นตัวช้าและไม่ทั่ วถึง แม้จะมีแรงส่งอยู่บ้ างจากการทยอยเบิกจ่ายเงิ นของภาครัฐ หลังจากที่ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายน 2567 และการขยายตัวของภาคการท่ องเที่ยว ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้ จ่ายของภาคครัวเรือนยังเผชิ ญแรงกดดันจากด้านต้นทุน ภาระหนี้สิน รวมถึงรายได้ที่ยังฟื้นตั วในกรอบจำกัด สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2567 นั้น แม้เศรษฐกิจไทยอาจประคองการเติ บโตได้ตามการเร่งเบิกจ่ ายงบประมาณ และการส่งออกที่จะได้อานิสงส์ เมื่อเทียบกับฐานที่ต่ำในช่ วงเดียวกันปีก่อน แต่คงต้องติดตามผลกระทบต่อภาคธุ รกิจจากแนวโน้มต้นทุนที่ปรับสู งขึ้นตามค่าใช้จ่ายด้านพลั งงานและการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงรายละเอียดและความชั ดเจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิ จของภาครัฐในช่วงที่เหลือของปี 2567
ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยต่ าง ๆ ธนาคารกสิกรไทยยังคงมุ่งเน้ นการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้ แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ ายภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มี ความไม่แน่นอน
ในไตรมาส 2 ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 12,653 ล้านบาท ลดลง 6.18% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลัก ๆ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริ การสุทธิลดลง ในขณะที่รายได้สุทธิจากการรั บประกันภัยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ จำนวน 21,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.67% โดยยังอยู่ภายในกรอบการบริหารจั ดการของธนาคาร และได้พิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุ นด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 11,672 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนตามหลั กความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน และรองรับความไม่แน่นอนของ ปัจจั ยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตั วของภาวะเศรษฐกิจ โดยค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิ ตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้ สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ ระดับ 151.87%
รายได้จากการดำเนินงานสุทธิมี จำนวน 50,429 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ลดลงจำนวน 1,060 ล้านบาท หรือ 2.75% เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิ จโดยรวมที่ฟื้นตัวช้า และไม่ทั่วถึง ประกอบกับการยกระดั บกระบวนการเพิ่มประสิทธิ ภาพการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมี คุณภาพ นอกจากนี้ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้ สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือลูกค้าปั จจุบันที่เป็นกลุ่มเปราะบางให้ สามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินรั บฝากในช่วงก่อน รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุ ทธิลดลงจำนวน 221 ล้านบาท หรือ 2.66% ส่วนหนึ่งจากค่าธรรมเนียมรั บจากธุรกิจบัตร และค่าธรรมเนียมรับจากการรั บรองตั๋ว อาวัล และค้ำประกัน แม้ว่ารายได้สุทธิจากการรั บประกันภัยปรับตัวดีขึ้น ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 21,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกิ จกรรมทางการตลาดและการดำเนิ นงานตามทิศทางธุรกิจ รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการขยายช่ องทางการให้บริการลูกค้า และส่วนหนึ่งจากเงินช่วยเหลื อแทนความห่วงใยให้แก่พนักงาน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้ นเพียงครั้งเดียว โดยธนาคารมีการบริหารจัดการค่ าใช้จ่ายพนักงานภายใต้องค์ รวมของกรอบงบประมาณที่วางไว้ ส่ งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 43.40%
สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมี กำไรจากการดำเนินงานก่อนหั กผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่ าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มี จำนวน 57,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.36% จากรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ ที่เติบโตสูงกว่าค่าใช้จ่ ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เป็นผลจากการที่ธนาคารและบริษั ทย่อยบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้ เกิดความคุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนิ นงาน ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.35% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิ ตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) ลดลงจากงวดเดียวกันของปี ก่ อน ซึ่งยังคงเป็นการตั้งสำรองฯ ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่ อเนื่อง รองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่ าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตั วของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้กำไรสุทธิจำนวน 26,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี ก่อน 20.26%
รายได้จากการดำเนินงานสุทธิมี จำนวน 100,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.27% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่มี จำนวน 75,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.18% ตามภาวะตลาด โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่ อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.73% ทั้งนี้ ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ ยเงินให้สินเชื่อในไตรมาส 2 ปี 2567 เพื่อช่วยเหลือลูกค้าปัจจุบันที่ เป็นกลุ่มเปราะบางให้สามารถฟื้ นตัวได้ดีขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุ ทธิเติบโต หลัก ๆ จากค่าธรรมเนียมรับจากการจั ดการกองทุน และค่าธรรมเนียมรับจากการรั บรองตั๋ว อาวัล และค้ำประกัน รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของรายได้ จากการลงทุน และรายได้จากการปริวรรตเงิ นตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้ นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของการท่ องเที่ยว ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนิ นงานอื่น ๆ มีจำนวน 42,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.82% จากค่าใช้จ่ ายทางการตลาดสอดคล้องกับรายได้ ที่เพิ่มตามปริมาณธุรกิจ และค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีเพื่ อสนับสนุนการขยายช่องทางการให้ บริการลูกค้า
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์ รวมจำนวน 4,247,540 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปี 2566 จำนวน 36,016 ล้านบาท หรือ 0.84% อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อสุทธิอยู่ในระดั บทรงตัว ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ าและไม่ทั่วถึง ประกอบกับการยกระดั บกระบวนการเพิ่มประสิทธิ ภาพการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมี คุณภาพสะท้อนการบริหารความสมดุ ลของความเสี่ยงและผลตอบแทนให้ อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่ อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.18% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกั บไตรมาสก่อน สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้ งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่ มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิ กรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ ที่ 19.42%