-
กลยุทธ์การตลาด “SC Asset” ปี 2567 ปูพรม “ออกบูธ” ตามศูนย์การค้ารวม 10 ครั้ง มากกว่าปกติเกิน 2 เท่า หลังพบลูกค้าเข้าไซต์น้อยลง 20% ต้องไปหาลูกค้าถึงที่ ทำราคาลดกระหน่ำจูงใจให้จองเลย
-
เฉพาะกลุ่มโครงการแนวราบยังยืนยันเป้าหมายเดิมเปิดครบ 15 โครงการ 26,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดขาย 18,000 ล้านบาท กลุ่มราคาหลังละ 10 ล้านบาทขึ้นไปยังเติบโต
“ณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์” หัวหน้าสายงานการตลาด บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยกลยุทธ์การตลาดของ SC Asset ปี 2567 ว่า ปีนี้ต้องใช้กลยุทธ์ที่ต่างออกไปหลังจากสถานการณ์ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโครงการ (Site Visit) น้อยลงกว่าปกติ 20% เนื่องจากลูกค้าบางส่วนลังเลที่จะตัดสินใจซื้อบ้านท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน จึงเลือกที่จะไม่เข้ามาชมไซต์
เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ทางบริษัทต้องหาทางจูงใจ ด้วยการเปิดแคมเปญ “SC Asset Mart” เดินสาย “ออกบูธ” ตามศูนย์การค้าเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่กำลังมีแผนจะซื้อบ้านลองแวะมาดูโครงการที่อาจจะสนใจก่อน
รวมถึงภายในบูธจะใช้กลยุทธ์ด้าน “ราคา” จูงใจ คัดแปลงพิเศษทำราคาลดสูงสุด 30% ลดเลยไม่ต้องรอโปรโมชันปลายปี เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจจองล็อกราคา ก่อนจะเข้าเยี่ยมชมไซต์โครงการเพื่อทำสัญญาอีกครั้ง
แคมเปญนี้เริ่มจัดครั้งแรกที่ “เซ็นทรัล ลาดพร้าว” เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน SC Asset เดินสายออกบูธไปแล้ว 4 ครั้ง กวาดยอดขายรวม 3,620 ล้านบาท
หลังจากนี้จะมีการจัดบูธอีก 6 ครั้ง แบ่งเป็นภายในไตรมาส 3 ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์เกต, เอ็มสเฟียร์ และ ไอคอนสยาม ส่วนในไตรมาส 4 จะมีอีก 3 ครั้ง ได้แก่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ สยามพารากอน
“ปกติเราออกบูธแบบนี้มากที่สุดไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี ปีนี้จัดเต็มมากที่จัดถึง 10 ครั้ง” ณัฏฐกิตติ์กล่าว “แน่นอนว่ายอดจองในงานก็อาจจะมี 30-40% ที่ไม่ทำสัญญาจริง มีการเปลี่ยนใจทีหลังหลังจากมาชมไซต์อาจจะยังไม่ถูกใจ แต่ยอดขายที่ได้โอนจริงก็ถือว่าน่าพอใจ ดีกว่าไม่ออกบูธที่อาจจะทำให้เราไม่ถึงเป้าได้”
ฟันธงเปิดต่อครบ 15 โครงการ ไม่ลดเป้า
ด้าน “มงกุฎ เตโชฬาร” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยถึงแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบของ SC Asset ในปี 2567 ว่า ช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีการเปิดตัวไปแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวม 18,450 ล้านบาท
ส่วนในครึ่งปีหลัง บริษัทจะมีการเปิดตัวอีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท ทำให้การเปิดตัวกลุ่มโครงการแนวราบของบริษัทครบ 15 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 กว่าล้านบาท ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ในช่วงต้นปี
สำหรับ 6 โครงการแนวราบที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังของ SC Asset ได้แก่
- แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ณ อุทยาน จำนวน 47 ยูนิต ราคา 35-60 ล้านบาท (เปิดขายแล้ว)
- แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา กม.15 จำนวน 73 ยูนิต ราคา 30-50 ล้านบาท (เปิดขายแล้ว)
- แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บรมราชชนนี จำนวน 21 ยูนิต ราคา 60-80 ล้านบาท (เปิดขาย 28-29 ก.ย. 67)
- คอนนาเซอร์ พัฒนาการ 32 จำนวน 20 ยูนิต ราคาเริ่ม 80 ล้านบาท (เปิดขาย ต.ค. 67)
- บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ พระราม 2 (เปิดขายภายในไตรมาส 4/67)
- บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 2 (เปิดขายภายในไตรมาส 4/67)
ณัฏฐกิตติ์กล่าวต่อว่า เป้าหมายยอดขายแนวราบของ SC Asset ยังคงเป้าที่ 18,000 ล้านบาท ไม่ได้ปรับลด เนื่องจากการเปิดขายโครงการใหม่ยังทำยอดได้ตามเป้า โดยเฉพาะกลุ่มบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปตลาดยังไปได้พอสมควร และเป็นเซ็กเมนต์ที่บริษัทมีฐานลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์และสไตล์การออกแบบ ทำให้มีการซื้อซ้ำและบอกต่อ
- “SC Asset” เปิดระบบพริวิลเลจในรูปแบบโทเคน “Morning Coin” ใช้แลกส่วนลด-กิจกรรมพิเศษเฉพาะลูกบ้าน
- ได้อีก! “ราคาบ้าน” สูงขึ้น 5 ไตรมาสติดต่อกัน “บางพลี-บางบ่อ” แชมป์ทำเลถีบตัวสูงสุดทั้งบ้านเดี่ยว-ทาวน์ เฮาส์
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ตลาดบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปของ SC Asset ก็ได้รับผลกระทบจากความเข้มงวดในการให้กู้สินเชื่อบ้านของธนาคารเช่นกัน เพราะเมื่อปี 2566 อัตราปฏิเสธสินเชื่อ (Reject Rate) ของลูกค้ากลุ่มนี้จะอยู่ที่ 7-8% เท่านั้น แต่ปี 2567 ขยับขึ้นมาเป็น 10-14% แล้ว ขณะที่กลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 10 ล้านบาทก็ยังถูกปฏิเสธสินเชื่อทรงตัวที่ 19% เท่ากับปีก่อน ทำให้ภาพรวมบริษัทจะต้องหายอดจองให้ได้มากขึ้นเพื่อชดเชยกับลูกค้าบางส่วนที่อาจจะกู้ไม่ผ่าน
ณัฏฐกิตติ์กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับตลาดแนวราบในปี 2568 เชื่อว่าการเปิดซัพพลายใหม่ในตลาดโดยเฉพาะกลุ่มบ้านหรูน่าจะเริ่มลดลง เพราะปีนี้ถือว่าหลายบริษัทหันมาเข้าตลาดเซ็กเมนต์นี้กันหมดแล้ว ปีหน้าจึงอาจจะเห็นภาพการชะลอตัวได้