• The Residences at Dusit Central Park ที่พักอาศัยในมิกซ์ยูสที่สมบูรณ์แบบที่สุดของกรุงเทพฯ เป็นโครงการที่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว ด้วยการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาด Ultra-luxury Residences–Branded Residences
• CBRE เผยคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ บนทำเลเซ็นทรัล ลุมพินีเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง สามารถปล่อยเช่าได้ราคาสูงสุดกว่า 2,000 บาทต่อตารางเมตร
• โครงการที่แล้วเสร็จในทำเลพระราม 4 – สีลม ปิดการขายได้ในระดับสูงมากกว่า 96% สะท้อนความต้องการโครงการในทำเลนี้มีจำนวนมาก
• UOB Privilege พร้อมมอบสิทธิ์ประโยชน์ให้กับลูกค้าที่สนใจซื้อโครงการ The Residences at Dusit Central Park ด้วยที่ปรึกษากระจายพอร์ตการลงทุน และสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ
บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนา Dusit Central Park โครงการมิกซ์ยูสระดับโลกภายใต้คอนเซ็ปต์ Here for Bangkok และผู้พัฒนา The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ที่ดีที่สุดใน Super Core CBD ผนึกพันธมิตร UOB Thailand และ CBRE Thailand จัดงาน Timeless Wealth: A Long-term Investment in Ultra-luxury Residences จากสถิติของ CBRE พบว่า โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่รูปแบบ Branded Residences มียอดขายอยู่ที่ 90% โดยมียูนิตที่นำไปปล่อยเช่าและได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (Yield) สูงถึง7.9% ต่อปี
คุณละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัดผู้พัฒนา Dusit Central Park โครงการมิกซ์ยูสระดับโลกภายใต้คอนเซ็ปต์Here for Bangkok และผู้พัฒนา The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับ Ultra-luxury Residences ที่ดีที่สุดใน Super Core CBDกล่าวว่า “The Residences at Dusit Central Park ได้ศึกษาแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะที่พักอาศัยใจกลางเมืองระดับอัลตร้าลักชัวรี่ จนพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าสามารถสร้างยอดขายระหว่างการก่อสร้างกว่า 85% ด้วยการพัฒนาตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ใช้สอย รูปแบบห้องที่หลากหลาย และขนาดที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงการพัฒนาโครงการเหนือระดับและสอดคล้องกับทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับอัลตร้าลักซูรีที่ บริษัทฯ จึงได้จัดงานสัมมนา Timeless Wealth: A Long-term Investment in Ultra-Luxury Residences ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญ UOB Thailand และ CBRE Thailand เพื่อนำเสนอข้อมูลสำหรับการลงทุนในระยะยาวในอสังหาริมทรัพย์ระดับ Ultra-luxury Residences – Branded Residences ที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน”
ซึ่งแน่นอนว่า Dusit Central Park เป็นโครงการมิกซ์ยูสที่น่าจับตามองมากที่สุด โดยเฉพาะองค์ประกอบสำคัญอย่าง โครงการที่พักอาศัย The Residences at Dusit Central Park ที่พร้อมนำเสนอความน่าสนใจของการใช้ชีวิตผ่านการออกแบบที่ไม่เหมือนใครเป็นอาคารพักอาศัยสูง 69 ชั้น 406 ห้อง แบ่งเป็น “ดุสิต เรสซิเดนเซส (Dusit Residences)” เริ่มที่ชั้น 30-69 ด้วยสไตล์ Classic Luxury ร่วมสมัย สุขุม อบอุ่นเหมือนบ้านหลังใหญ่ แต่สอดแทรกไว้ด้วยรายละเอียดการออกแบบที่ประณีตตามซิกเนเจอร์ของดุสิตธานี เน้นไปที่ห้องพักขนาดใหญ่ 2 – 4 ห้องนอน และเพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 118 – 900 ตารางเมตรโดดเด่นด้วยวิวของพื้นที่สีเขียวชอุ่มขนาดใหญ่แบบเต็มตาอย่างสวนลุมพินี และ “ดุสิต พาร์คไซด์ (Dusit Parkside)” เริ่มที่ชั้น 9- 29 นำเสนอความโดดเด่นด้วยการออกแบบร่วมสมัยแบบ Lifestyle Luxury หรูหรา แต่ยังคงโมเดิร์นเรียบเท่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีชีวิตชีวานำเสนอห้องชุดขนาด 1 – 2 ห้องนอน และห้อง Special Unitsมอบพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 55 -250ตารางเมตร มาพร้อมเอกลักษณ์การบริการแบบ Gracious Hospitality จากดุสิตธานี ซึ่งเป็นไอคอนสำคัญของประเทศไทยมาใช้เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับผู้อยู่อาศัยทุกชีวิต และประสบการณ์ลีฟวิ่งไลฟ์สไตล์ด้วยศูนย์การค้า (Central Park) อาคารสำนักงานให้เช่า (Central Park Offices) และโรงแรมระดับ 5 ดาว อย่างโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ (Dusit Thani Bangkok) ที่เปิดให้บริการแล้วในวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทุกอาคารสามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินีได้อย่างเต็มตา พร้อมสิ่งสำคัญที่นับว่าเป็นไฮไลต์อีกจุดที่น่าสนใจกับ Roof Park พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ที่มีดีไซน์โดดเด่นเชื่อมต่อมุมมองให้เป็นหนึ่งเดียวกับสวนลุมพินี พร้อมออกแบบพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายทั้งเพลิดเพลินกับการชมวิว การจัดกิจกรรมสันทนาการ รวมถึงการออกกำลังกาย
ด้านความต้องการที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน โดยคุณอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จํากัด หรือ CBRE Thailandเปิดเผยว่า “ภาพรวมตลาดที่พักอาศัย ในครึ่งแรกของปี 2567 โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในโครงการที่สร้างแล้วเสร็จทำเลใจกลางเมือง (downtown) มียอดขายเฉลี่ยสูงถึงกว่า 93% โดยเฉพาะบริเวณเซ็นทรัล ลุมพินี และสีลม-สาทร มียอดขายกว่า 96% และ 94% ตามลำดับ ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่มียอดขายสูงถึง 86% ซึ่งสูงกว่าเซกเม้นต์อื่นในทำเลเดียวกัน ซึ่งเมื่อพิจารณาโดยละเอียดจะพบว่า โครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่บริหารโดยเครือโรงแรมระดับห้าดาว หรือ Branded Residences มียอดขายเฉลี่ยสูงถึง 90% และหากมองในแง่การลงทุนโครงการที่พักอาศัยในรูปแบบนี้ จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (Yield) ที่สูงกว่าเซกเม้นต์อื่นๆ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้โครงการรูปแบบนี้ประสบความสำเร็จอย่างดี ได้แก่ ทำเลที่ตั้งที่อยู่ใน Prime Location ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง การออกแบบให้ได้ตามมาตรฐานของแบรนด์ ดีไซน์ที่ร่วมสมัย พร้อมเซอร์วิสระดับห้าดาว และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยโครงการที่ครบองค์ประกอบเหล่านี้ มีอยู่เพียงจำนวนน้อย จึงเป็นที่ต้องการในตลาดเช่าอย่างมาก โดยปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นผู้เช่าชาวต่างชาติอยู่ที่ร้อยละ 90 และผู้เช่าชาวไทยร้อยละ 10 ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงการปล่อยเช่าโครงการบนทำเล Super Core CBD และเซกเม้นท์นี้พบว่ามีดีมานด์ที่สูงจากกลุ่มผู้เช่าที่มองหาที่พักอาศัยที่ดีที่สุดที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของตัวโครงการและเซอร์วิสซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าระดับบนต้องการ จึงสามารถสร้างผลตอบแทนต่อการลงทุน (Yield) ได้สูงถึง 7.9% ต่อปี ทั้งนี้เมื่อเทียบกับทำเลอื่นใน CBD ทำเลนี้ยังสามารถปล่อยเช่าได้สูงถึง 2,000 บาทต่อตารางเมตร”
ด้านคุณกุลฉัตร จันทวิมล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้มุมมองว่า “ในปัจจุบันแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุน ดังนั้น ควรแบ่งเงินลงทุนเพื่อสะสมและต่อยอดความมั่งคั่งในระยะยาวออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ พอร์ตลงทุนหลัก (Core Portfolio)คือการลงทุนด้วยกลยุทธ์บริหารเชิงรุก มีความยืดหยุ่นสูง ผ่านหลักการจัดการลงทุนอย่างเป็นระบบแบบ Risk-based approach เพื่อกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน และพอร์ตลงทุนเสริม (Satellite portfolio)โดยแบ่งการลงทุนในหุ้นเติบโต (Growth Stock) ตราสารหนี้ และการลงทุนทางเลือก อาทิ กองทุนทางเลือกที่มีกลยุทธ์ซื้อขายสกุลเงินหลักของโลก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือการเลือกซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า เป็นต้น โดยธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มีสินเชื่อบ้านสำหรับลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง (Privilege Banking) ที่มีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ลูกค้าจะได้รับอัตราดอกเบี้ยและบริการพิเศษจากธนาคาร โดยธนาคารมีวงเงินสินเชื่อบ้านหลากหลายประเภท รวมถึงวงเงินสินเชื่อ UOB Cash to Home – สินเชื่อบ้านอเนกประสงค์ ซึ่งเป็นการนำทรัพย์ปลอดภาระมาเป็นหลักประกัน เพื่อขอวงเงินตามวัตถุประสงค์ของลูกค้าภายใต้เงื่อนไขของธนาคาร และเพื่อให้ลูกค้าได้รับคำปรึกษาจากผู้เชียวชาญทางการเงิน บริหารเงินได้อย่างมั่นใจ ธนาคารพร้อมเป็นที่ปรึกษาการให้บริการธุรกรรมทางการเงินในทุกมิติทางการเงิน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารทุกสาขาของยูโอบี” หมายเหตุ: กู้เท่าที่จำเป็น และชำระคืนไหว สินเชื่อบ้านยูโอบี อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาปัจจุบันอยู่ที่ 6.13% ถึง 7.15% ต่อปี* สินเชื่อ UOB Cash To Home อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาปัจจุบันอยู่ที่ 7.21% ถึง 7.29% ต่อปี**อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร ณ ขณะนั้นๆ สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 4 ต.ค. 2567 = 8.80% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ รายละเอียดการคำนวณและข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมดูได้จากเว็บไซต์ธนาคาร www.uob.co.th
“อย่างไรก็ตาม จากการสัมมนา Timeless Wealth: A Long-term Investment in Ultra-Luxury Residences พบว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี พ.ศ. 2567 ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตในกลุ่ม Branded Residences มีทิศทางที่ชัดเจนและเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก และโครงการคอนโดมิเนียม The Residences at Dusit Central Park จะเป็นโครงการสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดระดับบนที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับ Ultra-luxury Residences ของประเทศไทยทั้งในปัจจุบันและต่อไปในอนาคต” คุณละเอียดกล่าวสรุป