ดูเหมือนว่าการที่ วัยรุ่นและชนชั้นกลางของจีน เปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้ ติดแกรม อีกต่อไป แต่เน้นใช้เงินกับการซื้อประสบการณ์ และแน่นอนว่าเมื่อจีนที่เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ สินค้าลักชูรี่ ทำให้ภาพรวมทั่วโลกหดตัวลง และทำให้กลายเป็นหนึ่งในปีที่อ่อนแอสุดในประวัติศาสตร์
ตามรายงานของบริษัท Bain & Company คาดการณ์ว่า ยอดขายสินค้าแบรนด์เนม หรือสินค้าลักชูรี่ปีนี้อาจ หดตัว 2% คิดเป็นมูลค่า 386,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นยอดขายที่อ่อนแอสุดเป็นประวัติการณ์
“หากไม่นับช่วงการระบาดของ COVID-19 นี่ถือเป็นครั้งแรกที่อุตสาหกรรมสินค้าลักชูรี่หดตัวนับตั้งแต่วิกฤตปี 2008-2009” Federica Levato หุ้นส่วนของ Bain กล่าว
หนึ่งในปัจจัยสำคัญมาจากการหดตัวของ ตลาดจีน ที่ประเมินว่ายอดขายลดฮวบถึง 20-22% เนื่องจากผู้บริโภคของจีนทั้งกลุ่มวัยรุ่นและชนชั้นกลางเลือกที่จะใช้เงินกับการซื้อประสบการณ์มากกว่าสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งจีนถือเป็นตลาดสำคัญที่ดันให้ภาพรวมตลาดลักชูรี่ทั่วโลกเติบโต
ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่าฐานผู้บริโภคสินค้าแบรนด์เนม ลดลง 50 ล้านคน จากผู้บริโภคทั้งหมดประมาณ 400 ล้านคน ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของตลาดส่วนหนึ่งอาจขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่แต่แบรนด์เลือกใช้ รวมไปถึงการ ตั้งราคา เพราะมีสัญญาณให้เห็นว่าราคาสินค้าที่สูงขึ้นกําลังทำให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่าย
อย่างไรก็ตาม มาตรการการลดอัตราดอกเบี้ยและการลดภาษีของสหรัฐฯ อาจกระตุ้นให้ชาวอเมริกันใช้จ่ายมากขึ้น แต่อาจไม่ได้ซื้อสินค้าแบรนด์เนม แต่เป็นการใช้จ่ายกับการซื้อประสบการณ์ เช่น การทานอาหาร ที่คาดว่าจะเริ่มเห็นเพิ่มขึ้นในปีนี้