‘คัลแลน-พี่จอง’ เอฟเฟกต์! ทำแคมเปญไม่ถึงอาทิตย์ ดันยอดขาย ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ โต 1.5 เท่า มียอดสมาชิกเพิ่ม/วัน 50%

พลังเหล่าแฟนด้อมใจฟูเป็นเหตุ โดยหลังจากกาแฟพันธุ์ไทยคว้าคัลแลนพี่จองมาทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์คู่แรก และส่งแคมเปญการ์ดพันธุ์ไทยใจฟูการ์ดจุ่มของทั้งคู่ออกมาเมื่อวันที่ 15 ..ที่ผ่านมา ก็ทำให้ยอดขายของกาแฟพันธุ์ไทยโต 1.5 เท่า และเพิ่มยอดสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น 50% ต่อวัน ซึ่งหลังจากนี้จะต่อยอดความสำเร็จด้วยการออกหนังโฆษณา ก่อนจะจัด Fan Meet ของทั้งคู่ช่วงต้นปีหน้า

เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของกาแฟพันธุ์ไทยเมื่อประกาศใช้กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งมา และเลือกสองหนุ่มยูทูปเปอร์คนดังอย่างคัลแลนพี่จองมารับหน้าที่นี้

อนันต์ รัตนมั่นคง’ Vice President of Food and Beverages Group บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย เล่าว่า

การดีลกับสองหนุ่มคนดังให้มารับหน้าที่พรีเซ็นเตอร์เกิดขึ้นเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา ภายใต้โจทย์ทางธุรกิจ เพื่อสร้าง Brand Awareness และขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่ในกลุ่มอายุ 30 ปีลงมา ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่และมีความน่าสนใจ จากเดิมลูกค้าหลักของกาแฟพันธุ์ไทยจะมีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยตั้งเป้าหมาย จะเพิ่มฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่จาก 20% เป็น 30% ในปีหน้า

เราทำรีเสิร์ชมาพบว่า ผู้บริโภคมองแบรนด์เราเป็นกาแฟปั๊ม ดูเก่าแก่ เราจึงอยากปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์เราเด็กลง ให้สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น และคัลแลนกับพี่จองทำหน้าที่นี้ได้ดี ที่สำคัญทั้งคู่เป็นแฟนของกาแฟพันธุ์ไทย เป็น Real Customer ของเราจริง ๆ และชอบดื่มอเมริกาโน่อยู่แล้ว

คัลแลนพี่จองเอฟเฟกต์

ความร่วมมือระหว่างกาแฟพันธุ์ไทย กับคัลแลนพี่จอง เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 และไปจบเดือนเมษายน 2568 ประเดิมด้วยแคมเปญการ์ดพันธุ์ไทยใจฟู การออกการ์ดจุ่มของทั้งคู่ให้บรรดาแฟนด้อมได้สะสม โดยลูกค้าที่ซื้อเมนูไทยริกาโน 3 แก้วต่อใบเสร็จ จะได้รับการ์ดพันธุ์ไทยใจฟูแบบสุ่มจากคัลแลนและพี่จอง 1 ใบ มีให้เลือกสะสม 5 แบบ และ 1 แบบซีเคร็ท    

หลังจากเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 15 .. 2567 มาถึงตอนนี้ไม่ถึงอาทิตย์ปรากฏว่านอกจากในโซเชียลจะมีกระแสพูดถึงและเอนเกจเมนต์จำนวนมากทั้งกลุ่มแฟนของกาแฟพันธุ์ไทยเดิมและกลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้าแล้ว

แคมเปญดังกล่าวยังสามารถทำให้ยอดขายของกาแฟพันธุ์ไทยเติบโตขึ้น 1.5 เท่า และมียอดสมัครสมาชิก MAX Card บัตรสมาชิกที่ใช้สะสมแต้ม เพื่อสร้างลอยัลตี้ โปรแกรมกับลูกค้าในเครือ PTG เพิ่มขึ้น 50% ต่อวัน

ความสำเร็จที่เกิดขึ้น อนันต์บอกว่าเกินคาด และเตรียมต่อยอดความสำเร็จจากพรีเซ็นเตอร์คู่นี้ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างในระยะอันใกล้นี้ได้เตรียมปล่อยหนังโฆษณาชุดใหม่ของกาแฟพันธุ์ไทยที่มีคัลแลนกับพี่จองร่วมแสดงออกมา และจะมีการจัด Fan Meet ของทั้งคู่ประมาณช่วงต้นปีหน้า

หลายคนถามว่า แฟนด้อมที่ไม่ดื่มกาแฟ แต่มาซื้อพันธุ์ไทยเพราะอยากได้การ์ด เมื่อหมดแคมแปญอาจทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้จะหายไป และการเติบโตของเราจะไม่ยั่งยืน แต่เรามั่นใจในรสชาติและคุณภาพของกาแฟเรา บวกกับการทำมาร์เก็ตติ้งที่ได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากบัตรสมาชิก เราเชื่อมั่นจะดึงพวกเขากลับมาเป็นลูกค้าได้อย่างแน่นอน

เดินหน้าลบภาพกาแฟในปั้ม

นอกจากจะใช้พลังแฟนด้อมใจฟูมาลบภาพกาแฟในปั๊ม ที่ดูเก่าแก่ และแบรนด์มีอายุ เพื่อพิชิตใจลูกค้าคนรุ่นใหม่แล้ว กาแฟพันธุ์ไทยยังมีการวางกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้าดังกล่าวสำหรับสร้างการเติบโตไว้ 

1. การเร่งขยายสาขาในตัวเมือง โดยเฉพาะเขต CBD (Central Business District) รวมไปถึงโลเคชั่นในสถานศึกษาและตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งตามแผนกาแฟพันธุ์ไทยตั้งเป้าจะมีสาขารวมในปี 2567 อยู่ที่ 1,282-1,300 แห่ง และครบ 2,000 แห่งในปี 2568 จากปัจจุบันมีสาขากว่า 1,200 แห่ง ก่อนจะเพิ่มเป็น 5,000 สาขาในปี 2570

2. การเพิ่มโปรดักส์ในกลุ่ม Specialty Coffee เพื่อให้ภาพของกาแฟพันธุ์ไทยมีวาไรตี้และจับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย รวมถึงสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบและนิยมดื่มกาแฟประเภทนี้มากขึ้น อย่างล่าสุดได้เปิดตัวกาแฟดริปคอลเลกชั่นใหม่ที่ได้ร่วมมือกับ 10 นักสร้างสรรค์กาแฟไทย ภายใต้โจทย์ดริปสร้างชีวิตไม่รู้จบ

3. ขยายโปรดักส์ในกลุ่ม Non coffee ไม่ว่าจะเป็นชาไทยโกโก้และเมนูอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนผสมของกาแฟให้มากขึ้นเพื่อสร้างความรู้จักและกระตุ้นให้เกิดการทดลองดื่มจากกลุ่มลูกค้าที่ไม่ดื่มกาแฟ

4. การมุ่งทำมาร์เก็ตติ้งในรูปแบบต่าง ๆ โดยในส่วนนี้จะใช้ข้อมูลจาก MAX Card ที่ปัจจุบันมีฐานสมาชิกราว ๆ ล้านใบ วิเคราะห์เจาะลึก Customer Journey ของลูกค้าตั้งแต่เพศ อายุ การใช้จ่าย พฤติกรรมและความชอบ เพื่อนำมากำหนดกลยุทธ์ตลอดจนแคมเปญการตลาดให้เหมาะสมและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทางผู้บริหารกาแฟพันธุ์ไทยเชื่อมั่นว่า จากการกลยุทธ์ทั้งหมดเมื่อจบปี 2567 กาแฟพันธุ์ไทยจะมีรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมของตลาดกาแฟในไทยประเมินไว้ว่า จะมีการเติบโตประมาณ 10% คิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกาแฟในบ้าน 33,000 ล้านบาท และตลาดกาแฟนอกบ้านกว่า 27,000 ล้านบาท