คนไทย ยังซื้ออสังหาริมทรัพย์อังกฤษต่อเนื่อง จากราคาที่อยู่อาศัยใจกลาง กทม. อาทิ ทองหล่อ ราคาเปิดตัวใหม่บางแห่ง เริ่มขยับเข้าไปเทียบเท่าโซน Prime Central London ที่อยู่ราว ๆ 28 ล้านบาท/หน่วย
ด้วยปัจจัยด้านราคาใกล้เคียงกับอสังหาในไทย บวกกับอังกฤษเปิดทางให้คนต่างชาติถือครองอสังหารูปแบบ Leasehold เช่ายาวได้ถึง 999 ปี ทำให้ กลุ่มนักลงทุนไทยสนใจซื้อลงทุนปล่อยเช่าอสังหาในอังกฤษ
โดยมีงบประมาณในการซื้อราว ๆ 600,000 – 1,000,000 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทย ประมาณ 25 – 42 ล้านบาท
“ณชนกช์ ปัญญาหิตานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลดีเอ็นลักซ์ ลิฟวิ่งส์ จำกัด เปิดเผยว่า คอนโดในอังกฤษ โดยเฉพาะในลอนดอน มีดีมานด์ต้องการเช่าสูงกว่าซัพพลายการเปิดตัวที่มีในตลาด
ปัจจัยหลัก คือ การกลุ่มพนักงานกลับเข้าออฟฟิศ และนักเรียนต่างชาติเรียนต่อในอังกฤษ ทำให้จากอัตราการเช่า (OCC) สูงถึง 90-95%
แม้อัตราผลตอบแทน (ยีลด์) คอนโดอังกฤษจะอยู่ระดับ 2-3% น้อยกว่าคอนโดในไทยที่ยีลด์สูง 7% แต่ของไทยจะมีซัพพลายจำนวนมาก และมีระยะการรอคอยผู้เช่า “ต่างจากลอนดอนที่มีคนแย่งกันเช่าคอนโด มีการต่อคิวเช่ามากกว่า 10 คิว”
ขณะที่อัตราการเติบโตราคาค่าเช่าคอนโดอังกฤษขยายตัว 10-12% ต่อปี ยกตัวอย่าง
- ปี 2562 (ก่อนโควิด) ค่าเช่า อยู่ที่ 2,500 ปอนด์/เดือน หรือประมาณ 105,000 บาท/เดือน
- ปี 2568 (ปัจจุบัน) ค่าเช่า อยู่ที่ 5,200 ปอนด์/เดือน หรือประมาณ 219,000 บาท/เดือน
ส่วนราคาเช่าคอนโด Prime Central London มีราคาแตกต่างกันไปตามขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้อง อาทิ
- 1 bedroom ราคา 3,500 ปอนด์/เดือน ประมาณ 150,000 บาท/เดือน
- 2 bedroom ราคา 5,000-5500 ปอนด์/เดือน ประมาณ 210,000-231,000 บาท/เดือน
- 3 bedroom ราคา 8500 ปอนด์/เดือน หรือประมาณ 4 แสนบาท/เดือน
“ที่ผ่านมาคนไทยติดท็อป 3 ผู้ซื้ออสังหาอังกฤษมากที่สุด (อันดับ 1 คือ จีน) สะท้อนนักลงทุนไทยให้การตอบรับอสังหาอังกฤษต่อเนื่อง”
ทำให้บริษัทฯ ได้นำโครงการล่าสุดของ เบิร์กลีย์ กรุ๊ป มาโรดโชว์ในไทย โดยโครงการนี้ชื่อว่า “TRILLIUM” LONDON W2 Zone1 เป็นคอนโดหรู ตั้งอยู่ในย่าน West End ใจกลางกรุงลอนดอน บนพื้นที่ 3 ไร่ ประกอบด้วย 3 อาคาร จำนวน 556 ยูนิต ขนาด 40-109 ตร.ม. คาดแล้วเสร็จอาคารแรกปี 2571
โดยโครงการดังกล่าว มีราคาเริ่มต้น 6.75 แสนปอนด์ หรือประมาณ 28.6 ล้านบาท และห้องเพนต์เฮ้าส์ ราคาสูงสุด 5.29 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็น 220 ล้านบาท
“แม้แต่ห้องราคาแพงสุด ยังต่ำกว่าเพนต์เฮ้าส์ไทยบางแห่งด้วยซ้ำ”
บริษัทฯ ตั้งเป้าเจาะนักลงทุนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะทำยอดขายจากคนไทยได้ประมาณ 149 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 20% ของยูนิตขายทั้งหมด