ปี 2567 แม้ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายน้อยลง แต่นั่นไม่ส่งผลกระทบต่อยักษ์ค้าปลีกไทยอย่าง “เซ็นทรัล” ภายใต้การบริหารของ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN)
ที่สวนกระแส ทำตัวเลขงบปี 2567 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ All-Time High
- รายได้รวม 51,843 ล้านบาท เติบโต 11% (YoY)
- กำไรสุทธิ 16,729 ล้านบาท เติบโต 11% (YoY)
เบื้องต้น เตรียมสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสูงถึง 15% รวมทั้งประกาศจ่ายปันผลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.1 บาทต่อหุ้น (จ่อนำเสนอและรออนุมัติจากผู้ถือหุ้น)
ปัจจัยการเติบโตมาจาก 4 ธุรกิจในมือ ดังนี้
1. ธุรกิจรีเทล บริหารศูนย์การค้ารวม 42 แห่ง และคอมมูนิตี้มอลล์ 15 แห่ง พื้นที่เช่ารวม 2.3 ล้านตร.ม. ปัจจุบันมีอัตราการเช่า (OCC Rate) 91%
- มีผู้คนมาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศกว่า 500 ล้านครั้งต่อปี
- กลุ่มนักท่องเที่ยว มาเยือนกว่า 67 ล้านครั้งต่อปี อาทิ ชาวจีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย
2. ธุรกิจที่อยู่อาศัย มีโครงการอยู่ระหว่างขาย และโอนกรรมสิทธิ์ จำนวน 30 โครงการ (คอนโด 16 แห่ง และแนวราบ 14 แห่ง)
- คอนโดมิเนียมติดศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้รับความนิยมสูง ทั้งเอสเซ็นท์ นครสวรรค์ และเอสเซ็นท์ นครปฐม ขายหมดอย่างรวดเร็วนับเป็นการเติบโตท่ามกลางความท้าทายสวนทางภาพรวมตลาดวงการอสังหาฯ
3. ธุรกิจโรงแรม บริหารรวม 10 โรงแรม จำนวน 1,681 ห้อง มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี (OCC Rate) 70%
- Hilton Pattaya ทำอัตราค่าห้องพัก รายได้เฉลี่ยต่อห้อง และรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
- โรงแรมเซ็นทารา โคราช, อยุธยา, อุดร, อุบล ล้วนมี Performance ดีเยี่ยม
- การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุด Hilton Garden Inn Rayong บนทำเลศักยภาพติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง ไลฟ์สไตล์ เดสติเนชั่นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด
4. ธุรกิจอาคารสำนักงาน (ออฟฟิศ) มีทั้งหมด 10 อาคาร คิดเป็นพื้นที่เช่า 314,654 ตร.ม. ทำ Occupancy Rate 90% (ณ สิ้นปี 2567) สวนทางตลาดที่กำลังซบเซา
- ออฟฟิศติดศูนย์การค้า ตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบวงจรที่ดีที่สุด ทั้ง 10 แห่งรอบกรุงเทพฯ
- centralwOrld Offices ใจกลางเมืองได้รับความนิยมสูง