ในยุคนี้ ใคร ๆ ก็ใช้ AI มาเป็นผู้ช่วย ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว และสตาร์ทอัพที่ทำเกี่ยวกับ AI ก็มีมูลค่ามากมายหลายร้อยหลายพันล้าน แต่ก็มีสตาร์อัพบางรายที่ไม่ได้มีเทคโนโลยี AI จริง ๆ แต่ใช้ คน ปลอมเป็น AI ทำงานแทน จนสามารถระดมทุนถึงขั้นเป็น ยูนิคอร์น ได้ โดย Positioning จะมาเล่าถึงเคสนี้ให้ฟัง
สร้างแอปฯ ง่ายเหมือนสั่งพิซซ่า
คงจะดีถ้าเราที่ไม่มีทักษะเรื่องการโค้ดดิ้งจะสามารถสร้างแอปพลิเคชันเองง่าย ๆ เหมือนกับสั่งพิซซ่า และนี่คือแนวคิดตั้งต้นของสตาร์ทอัพที่ชื่อ Builder.ai ที่ก่อตั้งโดย ซาชิน เดฟ ดักกัล (Sachin Dev Duggal) นักธุรกิจเชื้อสายอินเดียในปี 2016 ที่สหราชอาณาจักร
ด้วยแนวคิด no-code/low-code ที่ใช้ AI เป็นแกนหลักในการพัฒนา บริษัทได้พัฒนา AI ที่ชื่อ นาตาชา (Natasha) คอยให้ความช่วยเหลือผู้ใช้งานที่ไม่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ให้สามารถสร้างสรรค์แอปพลิเคชันของตนเองได้ เพียงแค่ลูกค้าเลือกเทมเพลตหรืออธิบายความต้องการให้ Natasha ระบบก็จะแจ้งราคา และระยะเวลาในการพัฒนา
แน่นอนว่าแนวคิดดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการที่ต้องการมีแอปพลิเคชันเป็นของตนเองโดยไม่ต้องลงทุนสูงและใช้เวลานาน จึงไม่น่าแปลกใจที่ Builder.ai จะได้รับการลงทุนจากสถาบันและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลกได้มากกว่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Series A (พฤศจิกายน 2018): ระดมทุนได้ 29.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดย Lakestar และ Jungle Ventures โดยมี Deepcore ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SoftBank ร่วมลงทุนด้วย
- Series B (พฤษภาคม 2021): ระดมทุนได้ 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Series C (มีนาคม 2022): ระดมทุนได้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดย Insight Partners
- Series D (พฤษภาคม 2023): ระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดได้ถึง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดย Qatar Investment Authority (QIA) ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของกาตาร์
- Corporate Round (พฤษภาคม 2023): Microsoft ได้เข้าร่วมลงทุนและประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ โดยนำแพลตฟอร์มของ Builder.ai ไปไว้บนระบบคลาวด์ Azure
และด้วยเงินลงทุนดังกล่าวก็ทำให้ Builder.ai ขึ้นเป็น ยูนิคอร์น ด้วยมูลค่าบริษัทเกิน 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นาตาชา ตัวจริงคือ วิศกรชาวอินเดีย
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญเริ่ม เอ๊ะ ถึงความไม่สมเหตุสมผลของราคาและเวลาที่เริ่มตั้งข้อสังเกตว่า ราคาที่เสนอและการใช้เวลาในการพัฒนายังคงใกล้เคียงกับการจ้างมนุษย์ทำงาน หากเป็น AI ที่มีประสิทธิภาพจริง ราคาและเวลาควรจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ คุณภาพที่ได้ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะพบจุดบกพร่องมากมาย
ขณะเดียวกัน หลังจากบริษัทประสบปัญหาทางการเงินและมีการเลิกจ้างพนักงาน นำไปสู่การ แฉ โดย อดีตพนักงาน ว่าเบื้องหลัง Natasha แท้จริงแล้วคือ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นมนุษย์จำนวนมาก โดยเฉพาะในอินเดีย ที่ทำงานเขียนโค้ดและพัฒนาแอปพลิเคชันให้กับลูกค้าโดยตรง ไม่ใช่ AI อย่างที่บริษัทโฆษณา
ปลอมแปลงตัวเลขรายได้ และติดหนี้เพียบ
จากปัญหาที่รุมเร้า Sachin Dev Duggal ได้ลงจากตำแหน่ง ส่งไม้ต่อให้ มันพรีต ราเทีย (Manpreet Ratia) จาก Jungle Ventures ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุน เข้ามาบริหารแทน และเมื่อทีมบริหารชุดใหม่เข้ามา ก็ได้มีการว่าจ้างสำนักงานกฎหมายให้ดำเนินการสอบสวนภายในเกี่ยวกับความผิดปกติทางการเงิน ซึ่งก็พบว่า ยอดขายภายในบริษัทอาจเป็นของปลอม แถมยังพบว่ามีการพยายามตกแต่งตัวเลขรายได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2023 ที่เคยรายงานไว้ว่ามีรายได้ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่จริง ๆ แล้วมี 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือในปี 2024 ที่คาดว่าบริษัทจะมีรายได้สูงถึง 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่จริง ๆ แล้วบริษัทมีรายได้เพียง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น
ไม่ใช่แค่การปลอมแปลงตัวเลขรายได้ แต่บริษัทยังมีปัญหาหนี้สินมหาศาล โดยบริษัทติดหนี้ Amazon Web Services (AWS) 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Microsoft 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บทสรุปคือ ล้มละลาย
ในท้ายที่สุด บริษัทก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เพราะถูกบริษัท Viola Credit ที่บริษัทกู้เงินไป 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้ายึดเงินจากบัญชีของบริษัทจำนวน 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบริษัทขาดสภาพคล่อง นำไปสู่การ ปลดพนักงาน ส่วนใหญ่จากทั้งหมด 770 คน พร้อมกับปิดเว็บไซต์เหลือเพียงอีเมลสำหรับติดต่อ จนในที่สุด บริษัทก็ประกาศ ล้มละลาย ในเดือนพฤษภาคม 2025
บทสรุปของกรณีของ Builder.ai เป็นการเตือนใจที่สำคัญสำหรับนักลงทุนและบริษัทเทคโนโลยีเกี่ยวกับความจำเป็นในการตรวจสอบบริษัทอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องของความโปร่งใสในอุตสาหกรรม AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแยกแยะระหว่าง AI ของจริง กับ AI Washing ที่เป็นเพียงการตลาด
sifted.eu / techstartups / bloomberg / straitstimes