ไต้หวันได้เพิ่ม Huawei ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน และ SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน เข้าในบัญชีควบคุมการส่งออก (export control list) ซึ่งถือเป็นการยกระดับความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการจำกัดบริษัทที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของจีน
เนื่องจากเหตุผลเรื่อง “ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของอาวุธและความมั่นคงของชาติ” ส่งผลให้ กรมการค้าระหว่างประเทศของไต้หวัน ได้เพิ่มชื่อของ หัวเว่ย (Huawei) และ Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ในหน่วยงานสินค้าทางเทคโนโลยีขั้นสูงเชิงกลยุทธ์ ส่งผลให้บริษัทไต้หวันที่ต้องการส่งออกสินค้าหรือเทคโนโลยีให้กับบริษัทในรายชื่อดังกล่าวจะต้องขอใบอนุญาตจากรัฐบาลก่อน
การเคลื่อนไหวล่าสุดของไต้หวันเน้นย้ำถึงบทบาทเชิงรุกของรัฐบาลในการร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ แต่ถือเป็นพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน แม้ไต้หวันเองยังถูกจีนอ้างสิทธิ์ว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน แม้จะไม่เคยปกครองเกาะนี้เลยก็ตาม
ทั้งนี้ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และ AI โดยรัฐบาลสหรัฐฯ มีความกังวลอย่างมากว่า เทคโนโลยีของสหรัฐฯ อาจถูกจีนนำไปใช้ในแอปพลิเคชันทางทหาร ทำให้ล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกข้อจำกัดใหม่ในการขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้กับจีน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ให้กับ Apple และ Nvidia เคยผลิตชิปให้ Huawei จนถึงปี 2020 ก่อนที่รัฐบาลทรัมป์จะสั่งห้ามการจัดส่งอย่างเด็ดขาด หลังจากนั้น Huawei ได้หันไปพึ่งพา SMIC ซึ่งก็เผชิญกับข้อจำกัดจากสหรัฐฯ เช่นกัน ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า การแบนล่าสุดของไต้หวันมีความหมายเชิง สัญลักษณ์ มากกว่า
“นี่สะท้อนถึงความตั้งใจที่ชัดเจนขึ้นของรัฐบาลไต้หวันในการปรับข้อกำหนดการควบคุมการส่งออกให้สอดคล้องกับสหรัฐฯ” หมิง-เหยียน เจียง นักวิจัยจากสถาบันเพื่อประชาธิปไตยและเทคโนโลยีแห่งไต้หวัน
ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อปลายปีที่แล้ว มีรายงานว่าพบชิปจาก TSMC ในโปรเซสเซอร์ AI ของ Huawei แม้ TSMC จะยืนยันว่าไม่ได้จัดส่งให้ Huawei มาตั้งแต่ปี 2020 แต่รายงานดังกล่าวสร้างความกังวลในวอชิงตันว่า ชิปที่ผลิตให้กับบริษัทจีนอีกแห่งอย่าง Sophgo อาจถูกส่งต่อไปยัง Huawei
Reuters รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังสอบสวนกรณีนี้ และ TSMC อาจต้องเผชิญกับโทษปรับสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้สั่งให้ TSMC หยุดส่งออกชิประดับสูงให้กับจีนด้วย ดังนั้น กรณีดังกล่าวอาจเป็นตัวจุดฉนวนให้ไต้หวันเพิ่มความเข้มงวดกับ Huawei
จากสถานการณ์ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า สงครามชิปยังไม่จบ เพราะนับตั้งแต่ปี 2022 ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สั่งห้ามบริษัทอเมริกันร่วมมือหรือจำหน่ายชิป จนมาถึงยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้เข้ามาขยายข้อจำกัดเหล่านี้ โดยห้ามการส่งออกชิประดับสูง อุปกรณ์ผลิตชิป หน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง รวมถึงสินค้าที่ผลิตนอกสหรัฐฯ แต่ใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ด้วย
ซึ่งข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อภาคส่วนยุทธศาสตร์ของจีนที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้ความสำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์และ AI ถึงแม้จะได้รับผลกระทบหนักในช่วงแรก Huawei ก็สามารถกลับมาได้ในปี 2023 ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Mate 60 ที่ใช้ชิประดับสูงจาก SMIC ซึ่งเป็นเหตุให้สหรัฐฯ เปิดการสอบสวนอีกครั้ง