จากร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ในจังหวัดกาญจนบุรีที่แจ้งเกิดจากเค้กฝอยทอง ตอนนี้ ‘ศรีฟ้าเบเกอรี่’ ได้เดินทางมาครบ 39 ปี มีสาขากว่า 43 แห่ง กระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ และกำลังก้าวสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม คือ การเป็น ‘เบอร์ 1 ร้านเบเกอรี่อบสดของไทย’ ภายใน 5 ปี ด้วยจำนวนสาขามากกว่า 400 สาขา
ย้อนไปในปี 2529 ธุรกิจของศรีฟ้าเบเกอรี่ได้เริ่มต้นจาก ‘วิเชียร เจนตระกูลโรจน์’ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างอาชีพให้กับตัวเองและอยากให้ผู้คนได้กินเบเกอรี่ที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อยในราคาเข้าถึงง่ายโดยเปิดเป็นร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ในตลาดท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ก่อนจะมีสาขาอื่นๆ ตามมา
สำหรับจุดพลิกผันแรกของร้านแห่งนี้เกิดขึ้นในปี 2540 ที่วิโรจน์ได้เปิด ‘ร้านศรีฟ้าของฝาก’ บนถนนแสงชูโตสายใหม่ และหยิบสินค้าตัวหนึ่งอย่าง ‘เค้กฝอยทอง’ ที่ร้านอื่นไม่มีมาปลุกปั้น เพื่อสร้างความแตกต่างกับคู่แข่งที่รายล้อมรอบด้าน
นั่นกลายเป็นจุดแจ้งเกิดให้ศรีฟ้าเบเกอรี่เป็นที่รู้จักและได้รับการตอบรับดีในวงกว้าง ก่อนจะมาถึงจุดพลิกผันอีกครั้งในปี 2547 เมื่อคนจัดซื้อ 7-Eleven ติดต่อให้นำเค้กฝอยทองไปวางจำหน่าย
มาถึงวันนี้ศรีฟ้าเบเกอรี่ดำเนินธุรกิจมานาน 39 ปี ด้วยจำนวนสาขามากกว่า 43 แห่ง ในภาคกลาง, ภาคตะวันตก, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก
รวมถึงมีสินค้าวางจำหน่าย 7-Eleven ทั่วประเทศ, โลตัส, แม็คโคร ฯลฯ และมีการส่งออกไปยังออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, จีน, อังกฤษ, สแกนดิเนเวีย, สหรัฐอเมริกา และแอฟริกาใต้ ในกลุ่มสินค้าทองม้วน
Key Point ที่ทำให้ร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ในภูธรเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ วิเชียรบอกว่า นอกจากคุณภาพและความจริงใจกับลูกค้าแล้ว ก็คือ ‘การไม่หยุดนิ่ง’ และ ‘พัฒนาตลอดเวลา’
“การทำแบบเดิมอยู่เรื่อย ๆ เราคงเป็นร้านโกปี๋อายุ 40 ปีที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เราต้องพัฒนาตลอดตามจังหวะการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ทั้งหน้าตา คุณภาพ รสชาติ และกระบวนการสารพัด เช่น สินค้าขายดีจะทำอย่างไรให้ขายดียิ่งขึ้น อย่างทำให้ไซส์เล็กลงเหมาะกับการบริโภคของแต่ละคน มีแพ็กเกจพกพาง่ายแบบนี้เป็นต้น”
ที่สำคัญ เมื่อเจอปัญหาหรืออุปสรรค อย่ายอมแพ้ เพราะวิเชียรเชื่อว่า ทุกปัญหา ไม่มีอะไรที่แก้ไม่ได้ ถ้าตั้งใจจะแก้ และทุกๆ วิกฤตย่อมมีโอกาส ถ้าสู้แบบไม่ถอย ไม่คิดจะล้มเลิก ก็จะเดินหน้าต่อไปได้เสมอ
“ทุกการเดินทาง เราย่อมพบปะผู้คนและได้สั่งสมประสบการณ์ เมื่อวันนึงเจอปัญหาใหญ่เข้ามาขวางในชีวิต สิ่งเหล่านี้จะช่วยชีวิตคุณ และทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส วิธีที่ 1 แก้ไม่ได้ ก็หาวิธีที่ 2 วิธีที่ 3 อย่างที่บอก ถ้าเราตั้งใจ ไม่ยอมแพ้ เราจะผ่านทุกอย่างไปได้
“เหมือนกับศรีฟ้าเบเกอรี่ที่เคยผ่านประสบการณ์เกือบล้มละลาย ต้องยืมเงินคนมาจ่ายเงินเดือน 10 ล้านมาแล้ว ทั้งที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่ แต่สุดท้ายด้วยการไม่ยอมแพ้ ใจสู้ ถึก อดทน และไม่หยุดพัฒนา ก็ทำให้เราผ่านมาได้จนถึงวันนี้”
ปัจจุบันวิโรจน์ได้ส่งต่อธุรกิจนี้ให้กับทายาทอย่าง ‘พีรวัส เจนตระกูลโรจน์’ ซึ่งเขาไม่ได้ให้โจทย์อะไร แค่ถามว่า ‘ก่อนตายศรีฟ้าเบเกอรี่จะใหญ่แค่ไหน’
คำตอบของคำถามนี้ พีรวัสบอกว่า ต้องการพาศรีฟ้าเบเกอรี่ก้าวสู่ ‘ร้านเบเกอรี่อบสดเบอร์ 1 ของไทย’ ให้ได้ภายใน 5 ปี
“หน้าที่ผม คือ ทำให้ศรีฟ้าเบเกอรี่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ครอบคลุมมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนที่พ่อทำมา”
เป้าหมายการเป็นเบอร์ 1 ที่ว่า จะเป็นทั้งในด้าน ‘จำนวนสาขา’ และ ‘ยอดขาย’ โดยในส่วนของสาขา จะเน้นสร้างช่องทางจำหน่ายของตัวเองด้วยการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ และการรับจ้างผลิต ซึ่งพีรวัสได้เปลี่ยนศรีฟ้า เบเกอรี่จาก ‘ผู้ผลิต’ มาเป็น ‘ผู้ให้บริการเบเกอรี่แบบค้าปลีก’ ตั้งแต่ปี 2566
และเริ่มผลิดอกออกผลสร้างให้เห็นการเติบโตในปี 2567 ทำให้สามารถเปิดสาขาได้มากขึ้น จากเดิมมีอยู่ 10 สาขา เป็น 40 สาขา ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มอีก 40 สาขา
“ตอนนี้ต้นทุนการผลิต ต้นทุนค่าแรง และการแข่งขันของผู้ประกอบการเบเกอรี่ค่อนข้างแรง ทำให้ต้องหาช่องทางใหม่ เพื่อมาบาลานช์ และทำให้ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับรับได้ ซึ่งการเป็นเบอร์ 1 เราต้องมีสาขามากกว่า 400 สาขา เพราะร้านเบเกอรี่ที่เป็นผู้นำ เช่น เอสแอนด์พีมีกว่าร้อยสาขา ส่วนยามาซากิมี 40-50 สาขาเน้นเปิดในห้าง ถ้าใน 5 ปีเรามีกว่า 400 สาขาก็ชนะได้ไม่ยาก”
สำหรับการเลือกโลเคชั่นเพื่อเปิดสาขาของศรีฟ้าเบเกอรี่จะแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่น คือ ‘จะไม่เปิดในห้างหรือศูนย์การค้า’ เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงและความยืดหยุ่นต่ำ เช่น เวลาเปิด-ปิดต้องพร้อมห้างทำให้เป็นข้อจำกัด แต่จะเน้นเปิดตามชุมชน เพราะนอกจากค่าเช่าที่ถูกและต้นทุนในการบริหารจัดการไม่สูงแล้ว
ที่สำคัญยังสามารถกำหนดเวลาเปิด-ปิดให้ตอบโจทย์ทราฟฟิกของพื้นที่ตรงนั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น หากอยู่ในโลเคชั่นที่ติดกับตลาดสด จะเปิด 6.00 น. ปิด 18.00 น. หรือย่านท่องเที่ยวอย่างพัทยา จะเปิดให้บริการ 10.00 – 22.00 น. เป็นต้น
ในส่วนของยอดขาย จะสร้างการเติบโตด้วยการตอกย้ำจุดแจ้งเกิดของตัวเอง และเป็นสิ่งที่ลูกค้าตอบรับดีมาตลอด 39 ปีที่ผ่านมา นั่นคือ เป็นเบเกอรี่สำหรับทุกคน และเป็นร้านที่เข้ามาซื้อได้ทุกวัน โดยเน้นคุณภาพ สินค้ารสชาติอร่อย มีความหลากหลายในราคาเข้าถึงง่าย
“เราอยากเป็นเรา เพราะตอนนี้ไม่มีใครเหมือนเรา ออกแบบบริการและสินค้าที่เป็นมิตรกับคนทั่วไป โดยเฉพาะต่างจังหวัด ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่สุดของประเทศ โดยสินค้าเราเริ่มที่ 12 บาท มีให้เลือกกว่า 300-400 SKU
“ผมไม่อายนะที่จะบอกว่า เราเป็นเบเกอรี่จากต่างจังหวัด ทุกอย่างต้องไปวัดกันที่ยอดขาย และการเติบโตทางธุรกิจ และเราบอกลูกค้าเสมอว่า ศรีฟ้าเบเกอรี่ เป็นสินค้าแบบ Value for money ถูก ดี และเยอะ ซึ่งเหมาะกับคนส่วนใหญ่ในบ้านเรา โดยเฉพาะตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี การทำธุรกิจ ‘ถูก’ และ ‘ดี’ จะมีโอกาสรอดสูง”
อย่างไรก็ตาม การตั้งเป้าหมายก้าวสู่ร้านเบเกอรี่อบสดเบอร์ 1 ของไทย ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทาย แต่พรีวัสบอกว่า เป็นไปได้ เพราะที่ผ่านมาศรีฟ้าเบเกอรี่โตทุกปี อย่างในปี 2567 โต 15% ส่วนปี 2568 ตั้งเป้าโต 20%