LVMH อาณาจักรแบรนด์หรูของมหาเศรษฐี ‘เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์’ เจ้าของแบรนด์ Louis Vuitton, Dior, Celine, FENDI ฯลฯ ได้เปิดเผยผลประกอบการครึ่งแรกปี 2025 ที่น่าผิดหวัง มีรายได้รวมลดลง 4% เหลือ 39.8 พันล้านยูโร จากปีก่อนมีรายได้ 41.7 พันล้านยูโร ส่วนกำไรอยู่ที่ 9 พันล้านยูโร ลดลง 15%
ที่น่ากังวล คือ ‘กลุ่มธุรกิจแฟชั่นและเครื่องหนัง’ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ของ LVMH ดูจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมียอดขาย 19.1 พันล้านยูโร ลดลงช่วงเดียวกันของปีก่อน 9% ที่ทำรายได้ไป 20.8 พันล้านยูโร
ส่วนสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้รายได้ของ LVMH พลาดเป้า มาจากธุรกิจแบรนด์หรูกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่กระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค, ความไม่แน่นอนในตลาดสหรัฐอเมริกาจากมาตรการภาษีของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ รวมไปถึงการขึ้นราคาสินค้าอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคเริ่มลังเลในการตัดสินใจซื้อ
โดยเฉพาะ ‘จีน’ ตลาดสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจมาหลายสิบปี ซึ่งนอกจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจแล้ว ยังเกิดกระแสไวรัลใน TikTok จากบรรดาอินฟลูเอนเซอร์จีนที่อ้างว่า มากกว่า 80% กระเป๋าแบรนด์เนมหรูล้วนผลิตในจีน แม้เจ้าของแบรนด์จะติดฉลากว่าผลิตในฝรั่งเศส และอิตาลีก็ตาม นำมาสู่การตั้งคำถามว่า แบรนด์หรูมีการตั้งราคาเหมาะสมกับต้นทุนหรือไม่ จนเกิดกระแสเชิงลบและทำให้ผู้บริโภคจีนหันไปสนับสนุนแบรนด์ในประเทศมากขึ้น
ขณะที่ยอดขายของ LVMH ในประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ ก็ปรับตัวลดลง 28% ในไตรมาสที่แล้ว หลังจากเคยเพิ่มขึ้นถึง 57% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมไปท่องเที่ยวและจับจ่ายในญี่ปุ่น เนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนค่าลง
