ในช่วงเทศกาลต่างๆของชาวไทยเชื้อสายจีน ไม่ว่าจะเป็นตรุษจีน เช็งเม้ง และสารทจีน สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการเซ่นไหว้ คือ กระดาษไหว้เจ้า ซึ่งจะขายดิบขายดีมากในช่วงนี้ จากในช่วงปกติที่มีการซื้อขายได้บ้าง บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่าปริมาณเงินที่สะพัดอยู่ในธุรกิจกระดาษไหว้เจ้าเฉลี่ยประมาณปีละ 200 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการประเมินรวมทั้งปีทั้งในกรณีการใช้กระดาษไหว้เจ้าในเทศกาลที่สำคัญต่างๆของชาวไทยเชื้อสายจีน โดยคำนวณจากค่าใช้จ่ายในการซื้อกระดาษไหว้เจ้าของครัวเรือนชาวไทยเชื้อสายจีน
กระดาษไหว้เจ้าของไทยยังมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในด้านคุณภาพและรูปแบบสามารถส่งออกไปตีตลาดต่างประเทศ โดยการส่งออกกระดาษไหว้เจ้าปี 2546 คาดว่ามีปริมาณ 1,000 ตัน มูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2545 แล้วทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4 และร้อยละ 10 ตามลำดับ แนวโน้มการส่งออกกระดาษไหว้เจ้าในปี 2547 ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าสนใจคือ ไทยยังคงมีการนำเข้ากระดาษไหว้เจ้า โดยคาดว่าในปี 2546 มีปริมาณนำเข้าเกือบ 500 ตัน มูลค่า 11 ล้านบาท ซึ่งตลาดที่นำเข้าร้อยละ 85.0 มาจากจีน เนื่องจากกระดาษไหว้เจ้าเหล่านี้มีราคาถูกกว่าไทย และมีรูปแบบที่แปลกตาจึงเป็นที่นิยมของชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งน่าจะมีการรณรงค์ให้คนกลุ่มนี้หันมานิยมใช้กระดาษไหว้เจ้าที่ผลิตในประเทศไทยทั้งนี้เพื่อเป็นการประหยัดเงินตราต่างประเทศ และเป็นการช่วยส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตกระดาษไหว้เจ้าในประเทศอีกด้วย
กระดาษไหว้เจ้าเป็นการสร้างคุณค่าของวัสดุที่มีค่าน้อยให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย เนื่องจากเป็นการนำเอาไม้หรือเศษไม้ไผ่มาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ประเภทของกระดาษไหว้เจ้าแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ ชนิดที่ฉาบด้วยตะกั่ว ชนิดทาสีคล้ายตะกั่ว และชนิดพิมพ์ระบบออฟเซ็ท โดยชนิดที่ฉาบด้วยตะกั่วจะได้รับความนิยมและจำหน่ายได้มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันกระดาษไหว้เจ้ามีการพัฒนารูปแบบและสีสันให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น แผ่นคำอวยพร ทองแท่ง แบงค์ห้าร้อย แบงค์แสน แบงค์สิบล้าน เสื้อผ้า อุปกรณ์และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ เหรียญเงิน เหรียญทอง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ
ปัจจุบันไทยมีโรงงานผลิตกระดาษไหว้เจ้าที่จดทะเบียนไว้กับกระทรวงอุตสาหกรรมจำนวน 8 โรงงาน ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือเนื่องจากเป็นแหล่งปลูกไม้ไผ่ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต โรงงานผลิตกระดาษไหว้เจ้ากระจายตัวอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก แพร่ เชียงราย อุตรดิตถ์ ลำปางและพะเยา และมีเพียง 1 โรงงานที่ตั้งอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี อย่างไรก็ตามในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีโรงงานตัดและแปรรูปกระดาษไหว้เจ้าอยู่อีก 8 โรงงาน ซึ่งทั้งโรงงานผลิตและแปรรูปกระดาษไหว้เจ้านั้นเป็นโรงงานขนาดกลางและเล็ก ซึ่งไม่ได้มีการแจ้งกำลังการผลิตไว้อย่างชัดเจน ทำให้เป็นการยากที่จะคาดการณ์ถึงกำลังการผลิตกระดาษไหว้เจ้าของประเทศไทยได้
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่ามูลค่าของกระดาษไหว้เจ้าในประเทศสูงถึง 200 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นปริมาณกระดาษไหว้เจ้า 2,000 ตัน ทั้งนี้เป็นการประเมินรวมทั้งปี ทั้งในกรณีไหว้เจ้าในช่วงตรุษจีน เช็งเม้ง และสารทจีน ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนโดยกระดาษไหว้เจ้าจะขายดิบขายดีในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะเผาส่งไปให้บรรพบุรุษ และมีการจัดเป็นชุดไว้ตามศาลเจ้าต่างๆเพื่อให้คนที่เข้าไปไหว้เจ้าซื้อเพื่อนำไปเผาเพื่อเป็นการแสดงความเคารพเทพเจ้าต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการเผากระดาษไหว้เจ้านี้เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนซึ่งถือว่าเป็นช่วงขึ้นปีใหม่อีกด้วย
โดยที่ซินแสจะมีการตรวจดวงชะตาในแต่ละปีว่าปีนี้ผู้ที่อยู่ในราศรีใดบ้างที่ต้องทำการสะเดาะเคราะห์และจะติดประกาศไว้ตามศาลเจ้า ซึ่งผู้ที่มีความเชื่อถือก็จะซื้อกระดาษไหว้เจ้าที่มีจำหน่ายเป็นชุดๆ โดยเลือกได้ว่าจะซื้อชุดเล็กหรือชุดใหญ่เพื่อเขียนชื่อ และวันเดือนปีเกิดของตนเองลงไปแล้วทำการเผาในศาลเจ้า นับว่าเทศกาลที่สำคัญต่างๆของชาวไทยเชื้อสายจีนก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระดาษไหว้เจ้าอย่างเป็นกอบเป็นกำในแต่ละปี
ส่วนแหล่งซื้อกระดาษไหว้เจ้าสำหรับการไหว้เจ้าของแต่ละครัวเรือนส่วนใหญ่จะซื้อจากตลาดสดใกล้บ้าน แต่ถ้าต้องการรูปแบบกระดาษไหว้เจ้าที่แตกต่างเป็นพิเศษต้องไปซื้อจากตลาดเยาวราช อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าราคาของกระดาษไหว้เจ้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดาชาวไทยเชื้อสายจีนลดรายจ่ายในส่วนกระดาษไหว้เจ้าลงเหลือเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
นอกเหนือไปจากความต้องการใช้กระดาษไหว้เจ้าของคนไทยเชื้อสายจีนแล้ว ปัจจุบันกระดาษไหว้เจ้าที่ผลิตในไทยยังสามารถส่งออกไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่มีคนจีนอาศัยอยู่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากสถิติการส่งออกที่มีเพียง 66 ตันคิดเป็นมูลค่า 2.6 ล้านบาทในปี 2531 เพิ่มขึ้นมาเป็น 7.06 ล้านตัน มูลค่า 49.5 ล้านบาทในปี 2537 และคาดว่าในปี2546 คาดว่ามีปริมาณ 1,000 ตัน มูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2545 แล้วทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4 และร้อยละ 10 ตามลำดับ นับว่ากระดาษไหว้เจ้าของไทยได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ
สำหรับประเทศที่นำเข้ากระดาษไหว้เจ้าที่สำคัญของไทยได้แก่ประเทศไต้หวันที่มีสัดส่วนสูงถึงเกือบร้อยละ 90 ของมูลค่าการส่งออกในแต่ละปี ทั้งนี้นอกจากจะนำเข้าเพื่อนำไปใช้เองแล้ว ไต้หวันยังนำเข้าเพื่อที่จะส่งออกต่อไปยังต่างประเทศที่มีคนจีนอาศัยอยู่อีกด้วย ประเทศที่นำเข้ากระดาษไหว้เจ้าที่มีความสำคัญรองลงมาคือ สหรัฐฯ สิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งการนำเข้าของทั้งสามประเทศนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนประเทศคู่แข่งสำคัญของไทยที่ผลิตกระดาษไหว้เจ้าส่งออกไปยังตลาดเดียวกันก็ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และจีน ซึ่งคู่แข่งที่น่ากลัวคือ จีน เนื่องจากจีนมีความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบมากกว่า แต่ในปัจจุบันกระดาษไหว้เจ้าของไทยยังคงได้เปรียบในเรื่องคุณภาพและรูปแบบ ซึ่งในอนาคตผู้ส่งออกไทยคงต้องพยายามรักษาชื่อเสียงไว้ รวมทั้งยังต้องพยายามเจาะขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆที่มีคนจีนเข้าไปอาศัยอยู่เพื่อจะได้ไม่ต้องพึ่งพิงเฉพาะเพียงตลาดไม่กี่ประเทศ การส่งออกตลาดสินค้ากระดาษไหว้เจ้ายังคงมีแนวโน้มที่สดใส ตราบใดที่ยังมีคนจีนอาศัยกระจายอยู่ทั่วโลก เนื่องจากคนจีนมีความยึดมั่นในคำสอน วัฒนธรรมประเพณี ที่สืบทอดกันมาอย่างเหนียวแน่น
ประเด็นที่น่าสนใจคือในปี 2546 มีการปริมาณนำเข้าเกือบ 500 ตัน มูลค่า 11 ล้านบาท ซึ่งตลาดที่นำเข้าร้อยละ 85.0 มาจากจีน ส่วนแหล่งนำเข้าที่มีความสำคัญรองลงมาคือ ไต้หวัน และญี่ปุ่น เนื่องจากกระดาษไหว้เจ้าเหล่านี้มีราคาถูกกว่าไทย มีรูปแบบที่แปลกตา และคุณภาพระดับพรีเมี่ยม จึงเป็นที่นิยมของชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งน่าจะมีการรณรงค์ให้บรรดาชาวไทยเชื้อสายจีนหันมาใช้กระดาษไหว้เจ้าที่ผลิตในประเทศ ทั้งนี้จะเป็นการส่งเสริมการประหยัดเงินตราต่างประเทศ และส่งเสริมกิจการการผลิตกระดาษไหว้เจ้าในประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ต้องใช้กระดาษไหว้เจ้าในช่วงเทศกาลสำคัญควรจะระมัดระวังในเรื่องของสารตะกั่วที่มีอยู่ในกระดาษไหว้เจ้า ซึ่งจากการตรวจของกรมวิทยาศาสตร์บริการพบว่ากระดาษไหว้เจ้าชนิดที่ฉาบด้วยตะกั่วจะมีปริมาณตะกั่วค่อนข้างสูงประมาณ 20.8-85.6 มิลลิกรัมต่อแผ่น ส่วนชนิดที่ทาสีจะมีปริมาณตะกั่วประมาณ 0.55 มิลิกรัมต่อแผ่น ซึ่งในการเผากระดาษไหว้เจ้านั้นมักจะใช้ในปริมาณมาก ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรมีข้อระวังคือ เมื่อใช้มือพับหรือสัมผัสกระดาษไหว้เจ้า ไม่ควรหยิบอาหารเข้าปากก่อนที่จะมีการล้างมือ และในขณะที่เผากระดาษควรเผาในภาชนะที่มิดชิด เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเถ้าและควัน ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียง หรือควรเผาในบริเวณที่เป็นที่โล่งแจ้ง ควรยืนอยู่เหนือลม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการหายใจเอาสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ควรนำเอาเถ้ากระดาษที่เผาแล้วทิ้งหรือฝังในที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารตะกั่วสู่สิ่งแวดล้อม รวมทั้งต้องระมัดระวังปัญหาอัคคีภัยที่จะตามมาโดยการเฝ้าดูระหว่างการเผา และรอให้ไฟดับสนิทก่อนทุกครั้ง