กางแผน ‘ไลน์แมน วงใน’ รุกอุตสาหกรรม ‘สุขภาพ-ความงาม’ หลังได้ ‘Jera Cloud’ มาเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญ

ถ้าใครเป็นแฟน ไลน์แมน วงใน (LINE MAN Wongnai) อาจจะจำได้ว่า ก่อนที่ LINE MAN และ Wongnai ได้ควบรวมกิจการกันในปี 2020 จุดเริ่มต้นของบริษัทคือ การเป็นแพลตฟอร์มรีวิวอาหาร บวกด้วย ความสวยความงาม ดังนั้น เรื่องเกี่ยวกับ สุขภาพ-ความงาม จึงเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เห็น ศักยภาพและสนใจ มาโดยตลอด

ตลาดอาหารชะลอตัว แต่ความงามไม่

ข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยกสิกร คาดการณ์ว่า ตลาดร้านอาหาร ประเทศไทยปีนี้จะเติบโตเพียง +2.8% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 562,000 ล้านบาท ขณะที่ อุตสาหกรรมความงาม คาดว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 76,500 ล้านบาท เติบโต +12% ซึ่งที่ผ่านมาก็เติบโตในอัตรา 2 หลักมาโดยตลอด ขณะที่รายได้ของ ไลน์แมน วงใน ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  1. On demand Delivery คิดเป็น 80% ของรายได้
  2. Merchant Digital Solutions เช่น POS (Point of sale) มีการเติบโตของอัตรากำไรถึง 20%
  3. Financial

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ หากล่าสุด ไลน์แมน วงใน จะมีการประกาศว่าเข้าซื้อกิจการ JERA Cloud ก่อตั้งโดย ละมุนภัณฑ์ ไอที สตาร์ทอัพไทยที่พัฒนาระบบคลาวด์และ POS สำหรับธุรกิจความงามและสุขภาพโดยเฉพาะ และถือเป็น เบอร์ 1 ในตลาด โดยมีลูกค้ากว่า 1,700 ราย

“แม้ว่าตลาดร้านอาหารจะเติบโตลดลง แต่ตลาด Food Delivery ยังมีการเติบโต 2 หลัก และถ้าจะลงทุนในอุตสาหกรรมไหนที่ยังเห็นการเติบโตในระดับ 2 หลัก ก็มีแต่อุตสาหกรรมความงาม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ธุรกิจที่เติบโตได้ในระดับนี้” ยอด อธิบาย

ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai

POS ของ JERA Cloud ไปได้มากกว่าตลาดความงาม

แม้ว่า ไลน์แมน วงใน จะมี FoodStory ที่เป็นผู้พัฒนาระบบ POS สำหรับร้านอาหาร ซึ่งบริษัทได้เข้าซื้อกิจการไปปี 2566 แต่การทำ POS ร้านอาหารกับ POS ในธุรกิจความงามและสุขภาพ มีความ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และ ยอด มองว่า การจะกระโดดเข้าธุรกิจใหม่ ควรจะทำ M&A น่าจะดีกว่า ดังนั้น จึงตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ JERA Cloud

ซึ่งการทำ POS ของร้านอาหารจะต่างกับการธุรกิจความงามเยอะมาก เพราะ POS ร้านอาหารเป็นแค่การดูเมนู สั่งอาหาร จ่ายเงิน แต่ความงามจะมีเรื่องประวัติคนไข้ การนัดหมาย เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งโครงสร้างนี้จะช่วยต่อยอดไปสู่การทำระบบ POS ให้ตลาดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเรียนพิเศษ, ฟิตเนส หรือบริการด้านสุขภาพอื่น ๆ

“แน่นอนเรามองว่าธุรกิจความสวยความงามโตได้ แต่เราจะไม่หยุดแค่นี้ เราจะแตกไปอุตสาหกรรมอื่นที่มีความต้องการระบบ POS โดยเฉพาะ SME ไทยที่มีกว่า 2-3 ล้านราย”

เล็งทำ On demand service กลุ่มความงาม

ยอด มองว่า และด้วยอีกจุดแข็งของ JERA Cloud ก็คือ ฐานลูกค้า ดังนั้น ไลน์แมน วงในก็มองเห็นโอกาสที่จะต่อยอดสู่ On demand service ในกลุ่มความงาม เช่น จองนัดคลินิกผ่านแพลตฟอร์ม รวมไปถึง ขายดีลคูปองต่าง ๆ ในอนาคต

นอกจากนี้ ยังต่อยอดไปสู่ธุรกิจ Finance เช่น การเชื่อมต่อ POS กับ e-Wallet หรือระบบ สินเชื่อสำหรับคลินิก ได้อีกด้วย

ก่อน IPO อาจมีอีกดีล

สำหรับแผน IPO หรือการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไลน์แมน วงใน ยอด กล่าวว่า ยังคงเป็นตามเป้าหมายเดิม คือ ภายในปีนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีดีล M&A อีก 1-2 ดีล ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะได้เห็นก่อนบริษัท IPO

“การขยายธุรกิจมันเป็น DNA ของเรา เรามองหาโอกาสเสมอ ถ้ามีธุรกิจที่เหมาะสมเราก็จะไม่ลังเล”

ตลาดความงามแข่งกันที่บริการ

ผศ.ดร. บัณฑิต ฐานะโสภณ ผู้ก่อตั้ง JERA Cloud เล่าว่า ในตอนแรกตนเป็นอาจารย์สอนเขียนโปรแกรมอยู่ที่มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าลาดกระบัง แต่บังเอิญเจอเพื่อนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบ POS คลินิกความงาม และทั้งตนและเพื่อนเห็นโอกาสว่ายังไม่มีผู้เล่นหลักในตลาดที่มีสินค้าตอบโจทย์ได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ทำ JERA Cloud

“เราใช้เวลาพัฒนา 6 เดือน ช่วงแรกเหนื่อยมาก เพราะเราต้องวิ่งหาลูกค้าเอง และต้องนำฟีดแบ็กของลูกค้ามาปรับปรุง จนเรารู้ความต้องการและพัฒนามาเรื่อย ๆ”

เนื่องจากธุรกิจความงามจะแข่งขันกันที่ บริการ เพราะโปรแกรมการรักษา มักจะคล้าย ๆ กัน ดังนั้น บริการจะช่วยสร้างความแตกต่างระหว่างคู่แข่งได้ ทำให้ระบบ POS เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น ลดความยุ่งยาก และนำข้อมูลมาทำการตลาดเพิ่มเติมได้

“เราเข้าไปช่วยลดเวลาหลังบ้าน พนักงานก็มีเวลาพูดคุยกับลูกค้ามากขึ้น ให้บริการได้ดีขึ้น ไม่ต้องไปห่วงหลังบ้าน เอาเวลาไปโฟกัสกับบริการ”

ผศ.ดร. บัณฑิต ฐานะโสภณ ผู้ก่อตั้ง JERA Cloud

วางเป้าลูกค้า 3,000 ร้าน

สำหรับเป้าหมายของ JERA Cloud ภายใต้ไลน์แมน วงใน คาดว่าจะเพิ่มจำนวนลูกค้าเป็น 3,000 ราย จากในตลาดความงามที่มี 6,000 ราย โดยปีนี้จะมีการลงทุนด้าน Marketing เพิ่มขึ้น และมีทีมเทคเข้ามาเสริม ซึ่งจะยิ่งช่วยให้ออกโปรดักส์ใหม่ ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้น

“เราเองก็มีคนอื่นติดต่อขอซื้อมา ทั้งบริษัทไทยและต่างประเทศ แต่เราเห็นแล้วว่ามันไม่ได้ช่วยต่อยอดธุรกิจเรา แต่คุยกับพี่ยอด และเห็นว่าสิ่งที่เขาคิดตรงกับสิ่งที่เราอยากไป เราจึงตกลงที่ขายให้กับไลน์แมน วงใน”

ปัจจุบัน ธุรกิจความงามยังคงเติบโตแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว โดยกลุ่มลูกค้า Gen Z เติบโตมากที่สุดถึง +45% ขณะที่กลุ่มอื่น ๆ คิดเป็นสัดส่วนราว 20% เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ชาย ยังเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4