นับเป็นเวลาประมาณเกือบ 3 ปี ที่ทั่วโลกหันมาสนใจ Generative AI เมื่อ OpenAI ซึ่งมี Microsoft หนุนหลัง ได้เปิดตัว ChatGPT ในเดือนพฤศจิกายน 2022 ตั้งแต่นั้นมา บริษัท ใหญ่ ๆ ได้ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับเทคโนโลยีนี้
Raj Ganguly ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของ B Capital ที่มองว่า AI กำลังจะสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ไปทั่วโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดย AI Super Cycle (ช่วงเวลาของการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาด) นี้ จะ เปลี่ยนแปลงโลกในทุกด้านในระดับรากฐาน เช่น วิธีการพัฒนายา หรือในตลาดงาน เช่นเดียวกับที่ก่อนหน้านี้ Goldman Sachs กล่าวว่า โลกกำลังเข้าสู่ Super Cycle ที่แตกต่าง โดยมี AI เป็นปัจจัยสำคัญ
“เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นมาก ๆ ในปีที่ 3-4 ของ AI Super Cycle นี้ และมันน่าจะเป็น Super Cycle พิเศษที่ยาวนาน 20 ปี อาจจะ 15 ปี แต่ มันกำลังจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้” Ganguly กล่าว
Ganguly เชื่อว่า Silicon Valley จะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เหมือนในอดีตที่ระบบนิเวศเทคโนโลยีทั่วโลก 80-90% เกิดที่ Silicon Valley แต่ปัจจุบันเหลือส่วนแบ่งไม่ถึงครึ่ง แต่ด้วยการมาถึงของ Generative AI จะทำให้ Silicon Valley กลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง
แนวโน้มที่สองที่กำลังเขย่าวงการเทคโนโลยีคือ ผู้ก่อตั้งบริษัทคนเดียวก็สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์หรือจ้างโปรแกรมเมอร์ เพราะ AI สามารถช่วยให้พวกเขา สร้างและเขียนโค้ดได้โดยไม่จำเป็นต้องรู้ถึงวิธีการสร้างและเขียนโค้ด
“ในขณะที่ความเฟื่องฟูของเทคโนโลยีก่อนหน้านี้มุ่งเน้นไปที่บริษัทที่เน้นผู้บริโภคเป็นหลัก เช่น Amazon และ Meta แต่ 10 ปีข้างหน้าจะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีเชิงลึก (deep tech) เช่น Generative AI และเซมิคอนดัก เตอร์ขั้นสูงมากขึ้น”
ในแง่ของการลงทุน Ganguly มองว่า โอกาสในตอนนี้คือ แอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นโดยมี AI เป็นพื้นฐาน โดยเขาเชื่อว่า อินเดีย เป็นตลาดที่กำลังสร้างแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นโดยมี AI เป็นพื้นฐาน (AI native apps) ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model หรือ LLM) ใด ๆ ก็ได้ และใน 5 ปีข้างหน้าอาจได้เห็นบางบริษัทที่เกิดในอินเดีย กลายเป็น ผู้นำตลาด ในตลาดอย่างสหรัฐฯ และยุโรป
อย่างไรก็ตาม เขามองว่า ในตลาดตอนนี้อาจเกิด ฟองสบู่ AI หรือมีมูลค่าสูงเกินจริง เพียงเล็กน้อย โดยสาเหตุที่เกิดฟองสบู่เพราะผู้คนมักคิดว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า AI จะเปลี่ยนแปลงโลก แต่ในความเป็นจริง มันใช้เวลานานกว่าที่ผู้คนคิดเสมอ
สำหรับ B Capital ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยเขาและ Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook โดยที่ผ่านมา บริษัทได้เน้นการลงทุนไปที่บริษัทเทคโนโลยีเชิงลึก แต่ก็มีบริษัทในด้านสุขภาพและสภาพภูมิอากาศอยู่ในพอร์ต โฟลิโอด้วย