ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน ตลาดโทรคมนาคมไทยกำลังอยู่ในช่วง อิ่มตัว โดยเฉพาะจาก จำนวนประชากร นี่จึงเป็นอีกความท้าทายของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS บริษัทโทรคมนาคมที่อยู่คู่คนไทยตั้งแต่ยุค อนาล็อก NMT 900 MHz จนมาถึงยุค 5G และในโอกาสครบ 35 ปีเต็ม AIS ก็ได้เล่าถึง 3 New-Scurve ที่จะพาองค์กรหลุดกับดักการเติบโตของอุตสาหกรรม
เป็นแค่ Mobile Operator ไม่พอ
บทบาทการเป็น Mobile Operator ของ AIS เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2533 ที่ได้รับสัมปทานในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบอนาล็อก NMT 900 MHz จากนั้นในปี 2539 ได้เปิดให้บริการ ระบบ GSM 900 MHz ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบดิจิทัลที่คนทั่วไปเข้าถึงได้มากขึ้น
จนกระทั่งในปี 2014 ที่การใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือเติบโตแบบก้าวกระโดด สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ที่ขึ้นมาเป็นซีอีโอ ก็ได้ประกาศว่า AIS จะไม่ใช่แค่ Mobile Operator แต่เป็น Digital Service Provider แสดงให้เห็นว่าวิสัยทัศน์ของ AIS ไม่ได้ต้องการจำกัดอยู่แค่โทรคมนาคมอีกต่อไป
และในยุคที่ 3 AIS ได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในการเป็น Cognitive Tech-Co หรือองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ ด้วย AI และเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อสร้างบริการและโซลูชันที่ชาญฉลาด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ธุรกิจโมบายติดกับดักการเติบโต
ที่ผ่านมา ธุรกิจมือถือโตเพียงหลักเดียว (Single-Digit) ซึ่ง สมชัย มองว่า ไม่ใช่แค่ไทย แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทั่วโลก ดังนั้น การที่ AIS จะสร้างการเติบโตสองหลัก (Double-Digit) มีอยู่ 2 ส่วน 1 สร้าง New S-curve ในกลุ่ม Non-Mobile และ 2 การขับเคลื่อนด้วย 5G โดยนอกเหนือจากธุรกิจ Cloud และ Data Center แล้ว AIS ได้วาง 3 New S-curve ใหม่ ได้แก่
- ค้าปลีก (Retail Tech): จากเดิมที่ศูนย์บริการ AIS จะใช้เพื่อรองรับลูกค้าเข้ามาใช้บริการ และจำหน่าย สมาร์ทโฟน เป็นหลัก ซึ่ง AIS มองว่าสามารถต่อยอดไปสู่สินค้าอื่น ๆ อย่างเช่นเครื่องเกม, ซาวด์บาร์ และแกดเจ็ตอื่น ๆ ที่เปิดตัวไป นอกจากนี้ยังมองว่ายังสามารถร่วมกับ พาร์ทเนอร์ เช่น เปิดร้านกาแฟ ก็มีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม AIS ขอโฟกัสที่สินค้าในกลุ่มไอทีที่ถนัดก่อน
- Entertainment: โดย AIS มีแพลตฟอร์ม AIS PLAY ซึ่งปีนี้เสริมแกร่งยิ่งขึ้นด้วยคอนเทนต์กีฬาอย่าง ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และ ฟุตบอลไทยลีก
- Digital Finance: อย่างที่หลายคนรู้ว่า AIS กำลังจะจัดตั้ง Virtual Bank ร่วมกับ 3 พันธมิตร ได้แก่ AIS (ถือหุ้น 39%) กรุงไทย (ถือหุ้น 41%) และ PTTOR (ถือหุ้น 20%) โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในกลางปี 2569
“รีเทลเรายังโฟกัสที่สินค้าในกลุ่มไอทีที่เราถนัด คงไม่ได้หวังจะไปถึงแบบ 7-Eleven แต่ถ้ามีพันธมิตรอยากร่วม เราก็เปิดรับ ส่วนธุรกิจ Digital Finance ก็มีโอกาสโตอีกมาก อย่างเช่น หนี้นอกระบบก็มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ซึ่งเราอยากเข้าไปช่วยคนกลุ่มนี้ให้เข้าถึงบริการทางการเงิน” สมชัย อธิบาย
โดย สมชัย กางเป้าหมายภายใน 3 ปี ว่า AIS ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Non-Mobile จาก 10% เป็น 20%
รอ Killer App ของ 5G
อีกส่วนที่จะทำให้ตลาดโทรคมนาคมเติบโตอีกครั้งก็คือ 5G ซึ่ง สมชัย มองว่า ตอนนี้เทคโนโลยีดีแล้ว แต่ยังขาด Killer Application ที่ใช้เฉพาะ 5G เช่น AR/VR ที่จะมาเปลี่ยนโฉมการใช้งานของผู้บริโภคเหมือนกับยุค 3G เป็น 4G
“จะเห็นว่าเราเห็นว่า 5G ยังไม่ได้เติบโตมาก เพราะหลายแอปฯ ใช้ความเร็วของ 4G ก็เพียงพอ ดังนั้น เรารอเพียงแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ 5G โดยเฉพาะ มาเป็นจุดเปลี่ยน เพราะต่อเทคโนโลยีดี แต่ไม่มีประโยชน์ถ้าไม่มีแอปฯ ดี ๆ ที่มารองรับ”
ดัน 3 แม่ทัพช่วยรบ
แม้ว่าปัจจุบัน สมชัยจะอายุ 62 ปี แล้ว แต่เจ้าตัวย้ำว่า ยังไม่ไปไหน พร้อมกับดัน 3 แม่ทัพให้มาเป็น มือขวา ช่วยขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่
- ปรัธนา ลีลพนัง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ ดูแลธุรกิจหลักและโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย
- ธีร์ สีอัมพรโรจน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน วางยุทธศาสตร์ Next S-Curve ผลักดันธุรกิจใหม่
- กานติมา เลอเลิศยุติธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจองค์กร เสริมรากฐานคน วัฒนธรรม และความยั่งยืน
35 ปี คืนกำไรให้ลูกค้า
เนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปี AIS ได้ออกแคมเปญ AIS 1 Point 12 Weeks 12 Wow ที่ใช้ 1 พอยท์ เตรียมแลกรับสิทธิพิเศษ หรือแลกสิทธิ์ลุ้นรางวัลสุดว้าวได้ทุกสัปดาห์ ต่อเนื่องตลอด 3 เดือนเต็ม ประเดิมความว้าวแรก 1 ตุลาคม 2568 1 พอยท์ แลก 1 สิทธิ์ ลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทอง และอีกมากมาย และยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟในแต่ละสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลแพ็กเกจสุดคุ้ม หรือคอนเทนต์บันเทิงระดับพรีเมียม ที่จะมอบให้กับลูกค้ากว่า 51 ล้านรายทั่วประเทศ ติดตามได้บน myAIS




