ด้วยความแรงของเทรนด์ Pet Parenting การดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว ทำให้อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในบ้านเราเติบโตแบบก้าวกระโดดมีมูลค่ามากกว่า 60,000 – 70,000 ล้านบาทต่อปี โดย 1 ใน 3 ของครัวเรือนไทยจะมีสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในบ้าน และมีการใช้จ่ายเฉลี่ยด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงปีละหลายหมื่นบาท หรือบางกรณีสูงแตะหลักแสนบาทต่อปี
จากเทรนด์ดังกล่าว ไม่เพียงทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโต ทว่ายังมีการนำเสนอนวัตกรรมเพื่อให้สัตว์เลี้ยงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและยืนยาวมากขึ้นกว่าเดิม เช่น การเปิดรักษาโรคเฉพาะทาง, ยาลดความอ้วนในสัตว์เลี้ยง ฯลฯ
รวมถึงการใช้ ‘สเต็มเซลล์’ เป็น ‘ทางเลือก’ ในการรักษา ประเด็นแรก เพื่อลดการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงหรือส่งผลกระทบต่อระบบร่างกายของสัตว์เลี้ยง อาทิ ตับและไต เป็นต้น ประเด็นที่ 2 สำหรับรักษาโรคที่ไม่มีทางรักษา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ PetGeneX ธนาคารสเต็มเซลล์สำหรับสัตว์เลี้ยง
น.สพ.ชัยยศ ธารรัตนะ อาจารย์ประจำคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ร่วมก่อตั้งธนาคารสเต็มเซลล์สำหรับสัตว์เลี้ยง PetGeneX กล่าวว่า การนำสเต็มเซลล์มาใช้ในสัตว์เลี้ยงแม้จะเป็นเรื่องใหม่ แต่ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเป็นหนึ่งในวิธีการทางการแพทย์เชิงป้องกันและฟื้นฟูที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต ลดความรุนแรงของโรค และอาจช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาวของเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับข้อดีของสเต็มเซลล์ คือ มีผลในการฟื้นฟู ชะลอความเสื่อม รวมถึงควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน และลดการอักเสบเหมาะสำหรับนำมาใช้สัตว์เลี้ยงที่เริ่มมีภาวะเสื่อมตามวัยหรือป่วยเรื้อรัง โดยจากข้อมูลงานวิจัยและเคสจริงพบว่า
ด้านร่างกาย (Physical Improvement) มากกว่า 70% ของสุนัขที่มีโรคข้อเสื่อม สามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น เดินและวิ่งได้นานขึ้น และลดการใช้ยาแก้ปวด
ประมาณ 50-60% ของแมวที่เป็นโรคไตเรื้อรัง มีค่าการทำงานของไตดีขึ้น ภายใน 3-6 เดือนหลังได้รับสเต็มเซลล์ ในสัตว์เลี้ยงที่มีภาวะผิวหนังอักเสบหรือภูมิแพ้ มีอาการคันและผื่นแดงลดลงภายใน 1-2 เดือน
ด้านคุณภาพชีวิต (Quality of Life) กว่า 80% จากการรักษารายงานว่า “น้องกลับมาสดใสขึ้น” เช่น กินอาหารได้ ขนเงางาม และเล่นกับเจ้าของได้เหมือนเดิม
ทั้งนี้ PetGeneX ให้บริการฝากเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จาก 3 แหล่งสำคัญ ได้แก่
- ฝากเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากเลือด (Peripheral Blood) – นวัตกรรมเฉพาะโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องวางยา ไม่ต้องกินยาหรือฉีดยากระตุ้นเซลล์ก่อนจัดเก็บ สะดวกและปลอดภัย เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงในทุกช่วงวัย
- ไขมัน (Adipose Tissue) – สเต็มเซลล์ที่ถูกสกัดจากเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ถือเป็นแหล่งสเต็มเซลล์ที่มีจำนวนมาก เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่กำลังผ่าตัดทำหมัน หรือผ่าตัดทั่วไป
- สายสะดือ (Umbilical Cord) – เป็นสเต็มเซลล์ที่ได้จากสายสะดือของสัตว์เลี้ยง หลังคลอดทันที ถือเป็นแหล่งของเซลล์ต้นกำเนิดที่มีความบริสุทธิ์และศักยภาพสูงที่สุด ให้เซลล์อายุน้อย เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงตั้งครรภ์ หรือฟาร์มที่ต้องการเพิ่มมูลค่าและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับสัตว์เลี้ยงตั้งแต่แรกเกิด
ส่วนค่าบริการแพงกว่าการใช้รักษาทั่วไปหรือไม่ ทางน.สพ.ชัยยศบอกว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส สภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยง ระยะเวลาของโรค ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่การรักษาด้วยสเต็มเซลล์จะแนะนำเป็น ‘ทางเลือก’ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยืดอายุให้สามารถอยู่กับเราไปได้นาน




