ดีเอชแอลโชว์ศักยภาพผู้นำ คว้าเกรด ‘เอ’ มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดรายแรก และรายเดียวในไทย

กรุงเทพฯ – ดีเอชแอลโชว์ศักยภาพผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจขนส่งด่วนและลอจิสติกส์ระดับโลกและประเทศไทย เป็นผู้ให้บริการรายแรกและรายเดียวในธุรกิจขนส่งด่วนทางอากาศของประเทศไทยที่ได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพการบริการเกรด ‘เอ’ จากสมาคมพิทักษ์ทรัพย์สินทาง เทคโนโลยี หรือ ทาป้า (Technology Asset Protection Association – TAPA) โดยล่าสุดศูนย์กลางการขนส่งสินค้าด่วนทางอากาศ (ฮับ) ที่กรุงเทพฯ และศูนย์บริการ (Service Center) อีก 3 แห่งที่ถนนบางนา ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และท่าอากาศยานดอนเมือง ได้รับประกาศนียบัตรเกรด ‘เอ’ ทำให้ดีเอชแอล เอ๊กซเพรส ได้รับประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานความปลอดภัยเกรด ‘เอ’ จากทาป้า ทั้งสิ้นรวม 25 แห่งทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

ทาป้า เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งโดยตัวแทนผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ผู้รับขนส่งสินค้า (Freight Forwarder) และบริษัทที่ปรึกษามือชีพ โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ในการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูง เพื่อลดการสูญเสียทางการเงินหรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการโจรกรรมระหว่างกระบวนการขนส่ง

นายเฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ตลาดขนส่งด่วนและลอจิสติกส์ในประเทศไทย ดีเอชแอลมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า ด้วยศักยภาพการให้บริการชั้นสูงสุดสำหรับ อุตสาหกรรมขนส่งด่วน ซึ่งการได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพบริการตามมาตรฐานสากลที่ได้รับจากทาป้านี้ ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมนี้ด้วย ทั้งนี้ ด้วยยุทธศาสตร์การลงทุนด้านมาตรฐานความปลอดภัยของดีเอชแอล จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าว่า สินค้าที่มีมูลค่าสูงจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ตลอดเส้นทางการขนส่ง ตั้งแต่การรับสินค้าจากมือผู้ส่งจนถึงมือผู้รับปลายทาง

ทั้งนี้ ด้วยมาตรฐาน ศูนย์บริการและฮับของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสในกรุงเทพฯ ได้ผ่านการตรวจสอบและยอมรับในคุณภาพความปลอดภัยในด้านต่างๆ ดังนี้ คลังสินค้า, ระบบนิรภัยทั้งภายในและภายนอกศูนย์บริการมาตรการรักษาความปลอดภัยในทุกขั้นตอนการทำงาน, การอบรม, การควบคุมการเข้า-ออก, ความปลอดภัยในการจัดเก็บดูแลคลังสินค้า, ระบบเตือนภัย, และระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด รวมทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยในการขนส่งทางบก ซึ่งในปีนี้ศูนย์บริการแห่งใหม่ของดีเอชแอล ที่ถนนพระราม 3 พร้อมที่จะเข้ารับการตรวจสอบมาตรฐานการบริการเกรด ‘เอ’ ของทาป้าเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ในระดับภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ดีเอชแอลได้ให้ความสำคัญเป็ฯอย่างยิ่งกับการลงทุนด้านการรักษาความปลอดภัย และได้สร้างมาตรฐาน () ด้านความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมสำหรับธุรกิจขนส่งด่วนทางอากาศ โดยปัจจุบัน ศูนย์กลางการขนส่ง (ฮับ) และเกตเวย์หลักของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งสามแห่งคือ ฮ่องกง สิงค์โปร์ และกรุงเทพฯ ล้วนได้รับประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานความปลอดภัยเกรด ‘เอ’

ปัจจุบัน ดีเอชแอล ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกมีทีมบุคลากรที่รับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญและผู้จัดการด้านมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยจากหน่วยธุรกิจดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส จำนวน 34 คน คอยให้คำปรึกษาและแนะนำเป็นพิเศษแก่ลูกค้าในแต่ละวัน เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่อาจประเมินค่าได้ มอบโซลูชั่นการักษาความปลอดภัยที่ออกแบบเป็นพิเศษแก่ลูกค้าที่ต้องขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง ทำให้ลูกค้ามั่นใจในทุกการขนส่งสินค้ากับดีเอชแอล

ข้อมูลเพิ่มเติมดีเอชแอล
ดีเอชแอลเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการขนส่งด่วนและลอจิสติกส์ระดับโลก ที่มอบนวัตกรรม และโซลูชั่นซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับลูกค้า ด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญระดับโลกด้านการขนส่งด่วนทางอากาศ ทางเรือ และทางบก ตลอดจนโซลูชั่นต่างๆ ภายใต้ผู้ให้บริการเพียงรายเดียว ทำให้ ดีเอชแอล สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการทั่วทุกมุมโลก และมีความเข้าใจถึงความต้องการของตลาดในแต่ละประเทศได้อย่างลึกซึ้ง โดยมีเครือข่ายเชื่อมโยงครอบคลุมมากกว่า 220 ประเทศ และอาณาเขตต่างๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ ดีเอชแอล มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำ เทคโนโลยี และมอบบริการขนส่งด่วนเอกสารและพัสดุภัณฑ์ บริการการขนส่ง และโซลูชั่นด้านลอจิสติกส์ที่รวดเร็ว น่าเชื่อถือ และมีความรับผิดชอบ โดยมีบุคลากรที่พร้อมให้บริการกว่า 170,000 ทั่วโลก เพื่อตอบสนองได้เกินกว่าความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้า ปัจจุบัน สำนักงานใหญ่ของ ดีเอชแอล ตั้งอยู่ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม โดยมีดอยช์ โพสท์ เวิลด์ เน็ต เป็นผู้ถือหุ้น 100%

บริษัท ดีเอชแอล อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บุกเบิกการให้บริการรับส่งเอกสารและพัสดุภัณฑ์ทางอากาศระหว่างประเทศจากมือผู้ส่งถึงมือผู้รับ (Door to Door) เป็นรายแรกในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2516 โดยมีเครือข่ายครอบคลุมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันมีศูนย์บริการที่ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 12 แห่ง และมีท่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอีกสองแห่ง