“ไมเนอร์” ปั้น Hey Gusto บุตลาดอาหารอิตาเลียน พรีเมียม รับเทรนด์คนไทยเบื่อง่าย ห้างใหม่เกิดเยอะ

“คนไทยเบื่อง่าย เปลี่ยนเร็ว ศูนย์การค้าใหม่เกิดขึ้นเยอะ” กลายเป็นโจทย์ใหม่ของวงการร้านอาหารที่การขยายสาขาของแบรนด์เดิมอาจจะไม่เซ็กซี่มากพอ เราจึงได้เห็นเชนร้านอาหารใหญ่ๆ ในไทยต่างผุดแบรนด์ใหม่ขึ้นมาแบบรายเดือน

“ไมเนอร์ ฟู้ด” หนึ่งในเชนร้านอาหารยักษ์ใหญ่ในไทยก็ขอเกาะขบวนนี้ไปด้วย ล่าสุดปั้นแบรนด์ใหม่ Hey Gusto (เฮย์ กุสโต) บุกตลาดอาหารอิตาเลียนระดับพรีเมียมครั้งแรก เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์

เติมเต็มพอร์ตร้านอาหารตะวันตกให้ครบลูป

ถึงแม้ว่าร้านอาหารอิตาเลียนจะไม่ใช่ตลาดใหม่สำหรับเมืองไทย และไม่ใช่ตลาดใหม่ของไมเนอร์ ฟู้ดเองก็ตาม แต่ตลาดนี้ยังมีช่องว่าง และโอกาสการเติบโตอีกมาก ซึ่งผู้บริโภคจะคุ้นเคยกับอาหารกลุ่มพิซซ่าที่กลายเป็น Generic ของอาหารอิตาเลียนไปแล้ว ซึ่งไมเนอร์ก็มี The Pizza Company ที่เป็นพิซซ่าระดับแมสจับตลาดกลุ่มนี้อยู่แล้ว

HEY GUSTO

ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าตลาดร้านอาหารในไทยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาทในปี 2025 สัดส่วนร้านอาหารอิตาเลียนประมาณ 11% ในหมวดหมู่พาสต้า และพิซซ่า ซึ่งถือเป็นส่วนที่ได้รับความนิยมในตลาดอาหารต่างชาติ ในกรุงเทพฯ มีร้านอาหารอิตาเลียนกว่า 400 ร้าน ทั้งระดับ Fine Dining, Casual และอื่นๆ ส่วนร้านระดับพรีเมียมที่อยู่ตามย่านสีลม สุขุมวิท พระราม 4 หรือซอยเล็กๆ จะมีเชฟอิตาเลียนต้นตำรับ และบรรยากาศร้านดีๆ

ไมเนอร์จึงสบโอกาสนี้ในการเจาะร้านอาหารอิตาเลียนระดับพรีเมียม โดยจับโลเคชั่นในศูนย์การค้าเพื่อความเข้าถึงง่าย ได้ทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางสะดวก

Hey Gusto จึงเปิดตัวในคอนเซ็ปต์ Italian Premium Dine-in Experience ตอบโจทย์ทั้งรสชาติ ความเข้าถึงง่าย และบรรยากาศที่อบอุ่น ซึ่งเป็นร้านที่พัฒนาเอง ไม่ได้ซื้อแฟรนไชส์เข้ามา แต่ได้แรงบันดาลใจมาจากร้าน Vicletto Osteria ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านของเครือไมเนอร์ฟู้ดเช่นกัน โดยมีการปรับเมนูให้เข้ากับปากคนไทย 

HEY GUSTO

อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าว่า

“ทั้งเทรนด์การเติบโตของตลาดอิตาเลียนพรีเมียม และความต้องการของผู้บริโภคที่อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เราจึงตัดสินใจพัฒนาคอนเซ็ปต์ของ Hey Gusto ขึ้นมาเอง โดยอิงแรงบันดาลใจจากร้าน Vicletto Osteria แต่ปรับให้เข้ากับบริบทของคนไทยมากขึ้น และมีการเปลี่ยนชื่อ เพราะชื่อเดิมเรียกยาก สำหรับคนไทยแล้วชื่อร้านไม่ควรเกิน 3 พยางค์ โดยรวมแล้วใช้เวลาพัฒนาแบรนด์ 6 เดือน เราได้ส่งเชฟและทีมงานไปเทรนที่สิงคโปร์ เพื่อเรียนรู้ทั้งในเรื่องของ Store design, Plate presentation และเมนูอาหาร จากนั้นจึงนำกลับมาปรับใช้ให้เหมาะกับรสนิยมของคนไทย”

สำหรับ Hey Gusto จะเข้ามาช่วยเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอในกลุ่ม Premium Western ของไมเนอร์ฟู้ด แต่เดิมยังไม่มีเซ็กเมนต์นี้ในพอร์ต การบุกตลาดนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้เครือมากขึ้น

จุดเด่นของร้าน Hey Gusto ก็คืออาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมคุก 

  • เลือก Burrata ซึ่งเป็น Appetizer ชื่อดังของอิตาลี มาเป็นจานนำ เพื่อสร้างจุดจำให้ลูกค้า จากส่วนใหญ่ร้านอิตาเลียนมักนำด้วยพาสต้า หรือพิซซ่า
  • พาสต้ามีความหลากหลายของชนิดเส้น ให้ลูกค้าเลือกได้เอง
  • ขนมหวานอย่าง Tiramisu ทำสดใหม่ทุกวัน และเสิร์ฟในสไตล์ Fine Dining
  • พิซซ่าใช้แป้ง Focaccia ที่ให้สัมผัสนุ่ม ฟู เบา พรีเมียมมากกว่าแป้งพิซซ่าทั่วไป โดย ท็อปปิ้งจะเน้นเมนูยอดนิยมในตลาด และแตกต่างจาก The Pizza Company ที่อยู่ในเครือ

คนเบื่อง่าย เปลี่ยนเร็ว รีเทลเปิดใหม่

อนุพนธ์เสริมอีกว่า ตลาดร้านอาหารในปัจจุบัน เจอความท้าทายรอบด้าน ทั้งด้านผู้บริโภคเองเบื่อง่าย พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงเร็ว ตลาดมีทางเลือกเยอะ รวมไปถึงทางฝั่งของรีเทล หรือผู้ให้เช่าพื้นที่ก็เปิดใหม่เยอะ แล้วต้องการร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า การขยายร้านแบบเดิมๆ ไม่ได้ผลแล้ว จึงต้องสรรหาคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ เข้ามาเสิร์ฟตลาด

HEY GUSTO

“แบรนด์ใหม่ๆ ตอบโจทย์เรื่องการขยายสาขาของรีเทลได้ มีกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการพรีเมียม บางแบรนด์ไม่เซ็กซี่สำหรับรีเทล ทุกคนมองหาของใหม่หมด” 

Hey Gusto สาขาแรกจึงเลือกโลเคชั่นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เลือกเปิดในไพร์มโลเคชั่น มีที่จอดรถสะดวก    มีทั้งคนโลคอล และนักท่องเที่ยว ร้านนี้มีผู้จัดการที่ไม่ใช่คนไทยเป็นคนแรกของไมเนอร์ฟู้ด เพราะต้องการคนสื่อสารภาษาได้ ดูแลลูกค้าได้ และให้ความรู้เรื่องเส้นพาสต้าที่แตกต่าง รวมถึงแนะนำไวน์ แพร์ริ่งให้เข้ากับอาหารได้ด้วย 

บทพิสูจน์แบรนด์ปั้นใหม่ ไม่แพ้แฟรนไชส์

สำหรับ Hey Gusto เพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการได้ 1 เดือน แต่ต้องดูผลตอบรับก่อนประมาณ 6 เดือน ถึงจะประเมินว่าแบรนด์จะได้ไปต่อหรือไม่ หรือจะมีการขยายสาขาไปที่ไหนเพิ่ม แต่อนุพนธ์บอกว่าดูจากผลตอบรับในเดือนแรกมียอดขายที่ดีกว่าแบรนด์เดิม (Poulet) 100% ถือว่าเป็นการตอบรับที่ดี 

ปัจจุบันไมเนอร์ ฟู้ดมีแบรนด์ร้านอาหารที่ปั้นใหม่ 3 แบรนด์ ได้แก่ The Steak & More, Sandwich Society และ Hey Gusto ก่อนหน้านี้มีแบรนด์ใหม่เข้ามาอย่าง Riverside Grilled Fish แบรนด์หม่าล่าสไตล์เสฉวน และ Poulet แต่ได้โบกมือลากตลาดไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

HEY GUSTO

ซึ่งแบรนด์ที่ปั้นใหม่อย่าง The Steak & More ก็พิสูจน์ว่าสามารถยืนหยัดในตลาดได้ ภายใน 1 ปีจะมีสาขาครบ 10 แห่งแล้ว ส่วนแบรนด์เดิมที่มีอยู่ในตลาดก็ต้องสร้างความแตกต่าง และแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

แบรนด์ที่ทำยอดขายสูงสุดของไมเนอร์ฟู้ดยังคงเป็น The Pizza Company, Sizzler และ Swensens มีสัดส่วนยอดขายเกิน 50% ของพอร์ต