ที่ผ่านมา EEC เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาสร้างฐานการผลิตในไทย
อ้างอิง BOI พบว่า ช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม – มิถุนายน) ปี 2568 ไทยได้อนุมัติการส่งเสริมการลงทุนของชาวต่างชาติ จำนวน 1,063 โครงการ มูลค่า 629,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% (YoY) โดยนักลงทุนหลัก 3 สัญชาติแรก ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน
อย่างไรก็ดี การเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติครั้งนี้ ‘ไม่ได้กระจุกตัวอยู่เฉพาะในนิคมอุตสาหกรรม’ แต่ได้ขยายสู่พื้นที่รอบนอกนิคมอุตฯ มากขึ้นอีกด้วย
สะท้อนจากการปักป้ายขายที่ดินเปล่า ให้เช่าที่ดินระยะยาว หรือกระทั่งการขายที่ดินพร้อมผู้เช่า ในชลบุรีและระยองเป็นภาษาจีนตามรายทางมากขึ้นจากเดิมพอสมควร

‘สุรเชษฐ กองชีพ’ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย เปิดเผย “Positioning” ว่า ตั้งแต่ช่วงหลังโควิด ปี 2565 เป็นต้นมา เริ่มเห็นภาพ กลุ่มทุนจีน เข้าซื้อที่ดินเปล่าใน EEC นอกโซนนิคมอุตฯ เพิ่มขึ้น
หากซื้อที่ดินแปลงเล็ก จะนำมาสร้างโรงงาน ส่วนที่ดินแปลงใหญ่จะทำนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งภายในอาจจะมีแค่โรงงาน หรือมีทั้งโรงงานและที่พักอาศัยก็ได้

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่การซื้อที่ดินเปล่ามักเลือกในโซนผังที่ดินสีม่วง รองรับอุตสาหกรรม (ยกตัวอย่างที่ดินโซนสีม่วง อาทิ มาบตาพุด, ปลวกแดง, ศรีราชา, บ้านฉาง, บ้านบึง)
“จากการรุกเข้ามาของทุนจีน ส่งผลให้ราคาที่ดินโซน EEC ปรับเพิ่มขึ้นราว ๆ 10-15% ต่อปี ตามดีมานด์ที่สูงขึ้น เช่น โซนปลวกแดง-ระยอง ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด 20-30% จาก 5.5 ล้านบาท/ไร่ เป็น 7.5 ล้านบาท/ไร่”



