ถอดรหัส “Authenticity” (ฉบับทำเงินได้จริง) เจาะลึก ‘จูเนียร์ ภาคิน’ ครีเอเตอร์ไทป์หมาเด็กที่เปลี่ยน “ความจริงใจ” เป็น Revenue Stream ที่มั่นคงได้อย่างไร

ถ้ายังจำกันได้ เมื่อราวหนึ่งปีก่อน ท่ามกลางสมรภูมิคอนเทนต์ที่ทุกคนต่างตะโกนให้ดังที่สุด มีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนหน้าฟีด TikTok และกลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน ‘จูเนียร์’ ภาคิน กาญจนจูฑะ เจ้าของช่อง _niorniorniorr หรือ Junior.noexpstore ที่ไม่ได้มาพร้อมกับโปรดักชันอลังการ แต่มาพร้อมกับเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ไลฟ์สดที่เรียบง่าย และรอยยิ้มละมุน ความมีเสน่ห์ที่ไม่ปรุงแต่งในแบบฉบับของตัวเองที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึก ‘ใจฟู’

แต่นี่ไม่ใช่อีกหนึ่งเรื่องราวของคนดังชั่วข้ามคืนที่จางหายไปตามกระแส

เวลาผ่านไปหนึ่งปี กระแสไวรัลจางลง แต่จูเนียร์ยังคงยืนหยัดในการไลฟ์อย่างมั่นคง และเรื่องราวของเขาก็ได้กลายเป็นบทเรียนที่ล้ำค่ายิ่งขึ้นในวันที่คลื่นลูกใหม่ปรากฏตัว

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ แต่คือกรณีศึกษาของ ‘การตลาดสายใจฟู’ ที่ใช้กลยุทธ์การเป็นตัวเอง และพิสูจน์ให้เห็นว่า ความจริงใจ และการเข้าถึงหัวใจผู้ชมอย่างแท้จริง สร้างความยั่งยืนได้มากกว่ากระแสไวรัลชั่วคราว

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก ‘ศาสตร์และศิลป์’ ในการเป็นไลฟ์ครีเอเตอร์ฉบับจูเนียร์ ที่เปลี่ยน ‘ความธรรมดา’ ให้กลายเป็น ‘ความพิเศษ’ เปลี่ยนผู้ชมบนหน้าจอให้กลายเป็นชุมชนที่ผูกพัน และเปลี่ยนอาชีพที่หลายคนมองว่า ‘ไม่มั่นคง’ ให้กลายเป็นอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน

ความสำเร็จที่ไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเอง แค่เป็นตัวเอง จริงใจ และทำให้ดีที่สุด

การกดปุ่ม ‘Go LIVE’ ครั้งแรกคือช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุด แต่สิ่งที่จูเนียร์ทำในวันนั้น ได้กลายเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในเส้นทางอาชีพของเขา เขาไม่ได้พยายามที่จะเป็นครีเอเตอร์ในแบบที่ใครๆ คาดหวัง แต่เริ่มต้นจากการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น นั่นคือ ‘ขี้อาย และไม่มั่นใจ’

“ผมว่าทุกอย่างมันเริ่มจากการที่เราต้องรู้จักตัวเองก่อนครับ คือผมรู้ตัวเลยว่าผมไม่ใช่สายเอนเตอร์เทน ไม่ใช่คนพูดเก่งตอนแรกก็แอบคิดนะครับว่าจะรอดไหม แต่สุดท้ายก็คิดว่า เป็นตัวของตัวเองแบบนี่แหละดีที่สุดแล้ว เพราะมันทำให้เราไม่ต้องเฟค แทนที่จะพยายามไปเป็นคนอื่น สู้เอาความเป็นเรานี่แหละมาใช้เป็นจุดขาย แค่เราจริงใจก็พอครับ”

การตัดสินใจนี้เองที่ทำให้เขาแตกต่าง ในขณะที่ครีเอเตอร์คนอื่นอาจจะเริ่มต้นด้วยพลังงานที่ล้นเหลือ จูเนียร์กลับเริ่มต้นด้วย ‘ความเรียบง่ายและจริงใจ’ และสิ่งที่ตอกย้ำจุดยืนนี้ให้ชัดเจนที่สุด คือการเลือกไลฟ์ที่ไม่ใช้ฟิลเตอร์ใดๆ มันคือการบอกกับผู้ชมตั้งแต่แรกว่า “นี่คือผมจริงๆ ไม่มีอะไรปิดบัง”

ในไลฟ์ครั้งแรกที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาค้นพบวิธีเอาชนะความกลัวของตัวเอง นั่นคือการเปลี่ยนโฟกัสจากการขายไปสู่การให้ความรู้

“ตอนไลฟ์แรกๆ นี่ผมประหม่ามากเลยครับ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไร วิธีแก้เขินของผมตอนนั้นก็คือ ไม่ต้องสนใจตัวเอง แต่ให้ไปสนใจที่ตัวสินค้า (เสื้อ) แทน ผมเลยเลือกที่จะเล่าทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับเสื้อตัวนั้นให้ละเอียดที่สุด เพราะผมรู้สึกว่า ถ้าเราให้ข้อมูลที่ดี ให้ความรู้กับเขาก่อน มันเหมือนเป็นการมอบความหวังดี เปิดใจเขาได้

ไลฟ์ที่ดีต้องเริ่มจาก ‘ความจริงใจ’ ก่อน การขายผ่านโมเมนต์ที่ทำให้คนประทับใจ ยิ้ม หรือหัวเราะ จะทำให้การไลฟ์ขายของของเราเป็นธรรมชาติและไปต่อได้ ถ้าผู้ชมยิ่งรู้สึกดี ของจะขายตัวมันเองโดยที่เราไม่ต้องพยายาม” การกระทำนี้ได้เปลี่ยนสถานะของเขาจาก ‘คนขายของ’ ให้กลายเป็น ‘เพื่อนที่หวังดี’ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการสานสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ชมของเขา

เปลี่ยน ‘ผู้ชม’ ให้เป็น ‘ชุมชน’ ที่อบอุ่น ที่ไลฟ์เมื่อไหร่ก็เจอ

หัวใจของการไลฟ์สดที่แท้จริงไม่ใช่การพูดคนเดียว แต่คือการสร้าง ‘บทสนทนา’ จูเนียร์คือไลฟ์ครีเอเตอร์ที่ใช้ศิลปะในการเปลี่ยนผู้ชมหลักสิบให้กลายเป็นชุมชนที่มีผู้ติดตามเกือบห้าแสน โดยการให้ความสำคัญกับทุกปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีคนดูมากน้อยแค่ไหน

“ไลฟ์วันแรก คนดู 10 คน ขายเสื้อได้ 4 ตัว แต่สำหรับผมในวันนั้นมันคือ ‘ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด’ มันคือโมเมนต์ที่เรากล้าที่จะกดปุ่มไลฟ์ และตั้งใจมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนที่แวะมาดูเรา”

เขาค้นพบว่าบรรยากาศในไลฟ์คือภาพสะท้อนของความรู้สึกของตัวเขาเอง เขาจึงเลือกที่จะปลดปล่อยตัวเองจากความกดดันเรื่องยอดคนดู มันทำให้เขาผ่อนคลายและไลฟ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“ผมมาเข้าใจทีหลังว่าเทคนิคที่ดีที่สุดคือ ‘การจัดการกับใจตัวเอง’ พอผมเลิกกดดันตัวเองเรื่อง ‘ยอดคนดู’ แล้วกลับมาสนุกกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และคนที่เข้ามาดูเรา พอเรามีความสุขปุ๊บ คนที่ดูเขาก็มีความสุขไปกับเราแบบอัตโนมัติ”

การเป็นไลฟ์ครีเอเตอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยมากกว่าแพชชั่น แต่ต้องมี ‘วินัยและความสม่ำเสมอ’

“สำหรับผมการที่เรามาไลฟ์ตรงเวลาทุกครั้ง มันคือการแสดงความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง ผมเลยกำหนดวันไปเลย จันทร์ พุธ ศุกร์ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า ไม่ว่าเขาจะเหนื่อยมาจากไหน พอถึงเวลานี้เราจะอยู่ที่นี่เสมอ คนดูของผมมีทุกเจน บางคนเปิดช่องดูทุกวันตั้งแต่ Day 1 หลายคนช่วยเป็นแอดมิน ช่วยขายของ (หัวเราะ) ช่วยทบทวนดีเทลเสื้อ เพราะผมไลฟ์คนเดียว ก็ทำให้เราอุ่นใจเหมือนอยู่กับพี่ๆ น้องๆ ครอบครัวเดียวกัน เรามีการนัดเจอ แฟนมีท กินข้าวกัน ไปร้องเพลงกัน ไม่ได้เจอแค่ในจอ ผมว่าสิ่งนี้แหละที่มันค่อยๆ สร้างความไว้ใจและความรู้สึกที่มั่นคงให้กับบ้านหลังนี้ของเรา ที่สำคัญผมอยากให้ผู้ติดตามของผมรู้สึกได้ว่า เวลาของพวกเขามีค่า และผมให้เกียรติพวกเขา”

การตั้งเป้าความสำเร็จของของไลฟ์ครีเอเตอร์ ที่ไม่เหมือนอาชีพอื่น

หลายคนอาจสงสัยว่าเส้นทางของไลฟ์ครีเอเตอร์ที่ดูเหมือนจะขับเคลื่อนด้วยแพชชั่นและความสุขนั้น สามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงได้จริงหรือ?

รายได้ของเขาบนแพลตฟอร์ม TikTok มาจากสองส่วนหลักๆ คือ ยอดขายโดยตรงจากการไลฟ์ จากเสื้อผ้าที่แฟนคลับ CF กันในไลฟ์ และ LIVE Gifts ที่เปรียบเสมือน ‘ทิป’ ที่ผู้ชมมอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ และแสดงความชื่นชมในตัวตนของเขาเมื่อเขาไลฟ์ เล่นดนตรี และร้องเพลงตามคำขอเพื่อทำให้ผู้ชมมีความสุข

“ถึงแม้ว่าผมจะไม่กดดันตัวเองเรื่องยอดคนดู แต่ผมก็ตั้งเป้าเวลาไลฟ์ โดยใช้ Live Goal เพื่อสร้างความสนุกให้คนดูรู้สึกอยากช่วยให้ครีเอเตอร์ทำเป้าหมายได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นของขวัญ หรือใจส้ม ถ้าบรรลุเป้าหมายก็ถือว่าเป็นการทำชาเลนจ์ได้สำเร็จ”

แต่สิ่งที่สำคัญกว่าตัวเลข คือการได้ชีวิตใหม่ จูเนียร์ได้เล่าถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญนี้ว่า “ผมยังจำวันที่ครอบครัวล้มละลาย และวันที่โดนเลย์ออฟได้ดี ตอนนั้นมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด แต่ TikTok ก็เหมือนโอกาสที่ยื่นมาให้เราได้ลองใหม่อีกครั้ง แพลตฟอร์มนี้ไม่ได้ให้แค่เงิน แต่มันให้ ‘ชีวิตใหม่’ กับผมเลย มันคือความรู้สึกที่มั่นคง และที่สำคัญที่สุดคือความภูมิใจที่ได้บอกว่า ‘นี่คืออาชีพที่ผมได้สร้างมากับมือ’

จากวันที่เงินเก็บค่อยๆ ร่อยหรอ สู่การเป็นเจ้าของธุรกิจที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองและดูแลครอบครัวได้ นี่คือผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มันคือ ‘การเปลี่ยนความไม่แน่นอนให้กลายเป็นความมั่นคง’ และเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความจริงที่จับต้องได้

นอกจากรายได้โดยตรงจากการไลฟ์อย่างเดียวถึงห้าหลักต่อเดือนแล้ว ความสำเร็จในการเป็นไลฟ์ครีเอเตอร์ยังเปิดประตูสู่โอกาสอื่นๆ ที่เป็นเหมือน ‘โบนัส’ ของชีวิตอีกด้วย

“พอเราไลฟ์ไปเรื่อยๆ จนคนเริ่มจำได้และเชื่อใจเรา ตอนนี้ผมมีงานไลฟ์ครึ่งนึง อีกครึ่งเป็นงานที่ได้มาจากการไลฟ์ เช่น งานรีวิว งานอีเวนท์ งานแสดง งานถ่ายแบบ ถ่าย MV งานทำคอนเทนต์ให้แบรนด์ มันเลยเหมือนกับว่า แค่เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด จริงใจและซื่อสัตย์ โอกาสมันหาทางมาหาเราเอง”

รายได้จากงานเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังเป็นการตอกย้ำว่า ‘ตัวตนที่จริงใจ’ ของเขานั้นมีมูลค่าและเป็นที่ต้องการในโลกยุคใหม่

ไลฟ์ครีเอเตอร์ต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

ในยุคที่มีการแข่งขันสูง ไลฟ์ครีเอเตอร์ต้องปรับตัวอย่างไรในอาชีพนี้ แล้วจูเนียร์มีการเทคนิคการไลฟ์อย่างไร?

• ใช้ความเป็นมนุษย์เป็นจุดขาย นั่นคือความรู้สึก อารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจในหัวใจมนุษย์ ไม่แข่งเรื่องความสมบูรณ์แบบ
• สร้าง ‘ชุมชนที่ผูกพัน’ ไม่ใช่แค่ ‘ผู้ติดตาม’ สร้างชุมชนที่มีความรู้สึกผูกพัน ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ ความใส่ใจ และความจริงใจผ่านบทสนทนาคือหัวใจสำคัญของการไลฟ์
• เติบโตโดยอาศัย ‘ความรู้สึกที่ดี’ ไม่ใช่แค่ ‘ทำตามหน้าที่’ ครีเอเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย ‘แพชชั่น’ จะเป็นพลังงานที่ผู้ชมสัมผัสได้ และทำให้พวกเขา engage กับเราอย่างเป็นธรรมชาติ

จากทุกบทเรียนของจูเนียร์ทำให้เราเห็นชัดเจนขึ้นว่าคุณค่าที่แท้จริงของครีเอเตอร์อยู่ตรงไหน เพราะสิ่งที่ทำให้คน “จดจำ” คือ ประสบการณ์ ความรู้สึก ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจในหัวใจมนุษย์

“สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้น ผมอยากจะบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องพยายามเอาใจคนทั้งโลกครับ แต่เริ่มต้นจากการสร้าง ‘โลกใบเล็กๆ’ ของคุณให้ดีที่สุด และหาคำตอบว่าคุณจะมอบอะไรดีๆ ให้กับพวกเขาได้บ้าง

โฟกัสที่การสร้างความสุขและคุณค่าให้กับคนกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าให้เต็มที่ ถ้าเราทำให้โลกใบเล็กๆ ของเราอบอุ่นและน่าอยู่ได้จริงๆ เดี๋ยวโลกใบนี้มันจะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเองครับ แล้วคุณจะไปต่อได้อย่างมั่นคงแน่นอน”

เรื่องราว 1 ปีของ ‘จูเนียร์-ภาคิน’ ในการเป็นไลฟ์ครีเอเตอร์ คือบทเรียนที่งดงามว่า ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่จำนวนผู้ติดตาม แต่วัดกันที่ความลึกของความสัมพันธ์ เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาส แต่คือ ‘หัวใจที่จริงใจ’ ที่พร้อมสร้างความผูกพันกับผู้คนอย่างแท้จริง

จูเนียร์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนที่จะอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่คือคนที่เป็น ‘มนุษย์’ มากที่สุด คนที่กล้ายอมรับความไม่สมบูรณ์ กล้าแสดงอารมณ์ความรู้สึก และกล้าเชื่อมโยงกับผู้คนด้วย ‘ความจริงใจ’

ทุกคนสามารถเป็นครีเอเตอร์ได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็น ‘ครีเอเตอร์ที่คนจดจำ’

ในโลกที่ประตูสู่การเป็นครีเอเตอร์เปิดกว้างสำหรับทุกคน สิ่งที่จะทำให้คุณโดดเด่นไม่ใช่การพยายามเลียนแบบใคร แต่คือ ความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ให้เสน่ห์ ความสามารถ และมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเล่าเรื่องในแบบที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่ทำได้

ศักยภาพของครีเอเตอร์ยุคใหม่ไม่ได้หยุดแค่การสร้างคอนเทนต์ แต่คือการเป็น ผู้ประกอบการดิจิทัล ที่สร้างรายได้ได้จริง สร้างชุมชนที่มีค่า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศอย่างแท้จริง