กรุงเทพฯ,– รายงานข่าวจากบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด(มหาชน) ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ให้บริการด้านข้อมูล ข่าวสาร และความบันเทิง ของไทย เปิดเผยว่า บริษัท สามารถ ไอ-โมบายฯ และ TM International Sdn Bhd หนึ่งในกลุ่มบริษัทเทเลคอมมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ลงทุนให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ได้ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อให้การขยายธุรกิจการให้บริการ โมบาย มัลติมีเดีย และคอนเท้นท์ ไปสู่ต่างประเทศ โดยสามารถ ไอ-โมบาย ได้จัดตั้งบริษัท ไอ-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อรองรับการขยายฐานทางธุรกิจดังกล่าว
นายธวัชชัย วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่มบริษัท สามารถฯ มีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับบริษัท เทเลคอม มาเลเซียเป็นระยะเวลานานกว่า 8 ปี ซึ่งนอกจากจะเป็นพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจร่วมกันแล้ว เทเลคอม มาเลเซีย ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่นฯ โดยถือหุ้นร้อยละ 19.63 และสาเหตุที่นำมาซึ่งการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกันในครั้งนี้ ก็คือ การที่ทั้ง 2 บริษัทฯ ต่างเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตของธุรกิจการให้บริการข้อมูล สาระ และบันเทิงผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีอัตราผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย”
“ประกอบกับความมั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯทั้ง 2 ซึ่งมีจุดแข็งที่จะสนับสนุนให้ความร่วมมือกันในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน นั่นคือ การเป็นผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย และมีเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมทั้งหมด 8 ประเทศทั่วโลก อันได้แก่ Celcom / TM Touch ในมาเลเซีย, Hello GSM ในกัมพูชา, Dialog ในศรีลังกา, AKTEL ในบังคลาเทศ, Lagui ในกินี, Callpoint 900 ในมาลาไว และเครือข่ายการให้บริการในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และกาน่า ซึ่งมีฐานผู้ใช้บริการดังกล่าวที่มีกว่า 15 ล้านคน และจุดแข็งของสามารถ ไอ-โมบาย ที่มีความเชี่ยวชาญครบเครื่องเกี่ยวกับธุรกิจมือถือรวมทั้งการพัฒนาและให้บริการคอนเท้นท์ผ่านโทรศัพท์มือถือและสื่ออินเตอร์แอ็คทีฟต่างๆ โดยปัจจุบันไอ-โมบายถือเป็นผู้นำซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดของธุรกิจสายนี้ในประเทศไทย”
“การร่วมมือกันในครั้งนี้ นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงสัมพันธภาพที่ดีเพื่อขยายผลทางธุรกิจร่วมกันของพันธมิตรทั้งสองแล้ว ยังเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทคนไทยที่พร้อมจะไปแข่งขันยังต่างประเทศอีกด้วย” นายธวัชชัย กล่าว
ดังนั้นเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและประสิทธิภาพการดำเนินงาน บริษัท สามารถ ไอ-โมบายฯ จึงได้จัดตั้งบริษัท ไอ-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขึ้นโดยสามารถ ไอ-โมบาย ถือหุ้นเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์เพื่อดูแลการขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยพร้อมจะให้บริการครอบคลุมทั้ง 3 ส่วน ได้แก่
1.) ธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
2.) การให้บริการสาระและบันเทิงผ่านผ่านโทรศัพท์มือถือ
3.) การให้บริการสื่ออินเตอร์แอ็คทีฟ มัลติ-มีเดีย ต่างๆ
ทั้งหมดนี้ก็คือการนำเอารูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business Model) ของไอ-โมบายในประเทศไทยไปขยายผลต่อยังต่างประเทศ โดยจะมีการพัฒนาคอนเท้นท์ให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ (Localize Content) นอกจากนี้ยังจะเน้นการทำตลาดโดยใช้ I-mobile package ซึ่งจะจำหน่ายมือถือควบคู่ไปกับ Content หรือ Air Time เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าและเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสกับบริการทางด้าน Content ที่ทันสมัยผ่านโทรศัพท์มือถือ
นายธวัชชัย กล่าวว่า “ไอ-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล จะเริ่มบุกตลาดและเปิดให้บริการใน 3 ประเทศก่อน คือ มาเลเซีย กัมพูชา และศรีลังกา โดยในมาเลเซีย บริษัทฯจะถือหุ้น 65% และอีก 35% จะเป็นผู้ลงทุนในประเทศ โดยมีความเชื่อว่าการที่มีนักลงทุนท้องถิ่นเข้ามาร่วมถือหุ้นนั้น จะทำให้เราเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นและเร็วขึ้น และในส่วนของ ประเทศ ศรีลังกา และกัมพูชา บริษัท ไอ-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล จะถือหุ้น 100%”
เมื่อสิ้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2004 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จาก ไอ-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล ประมาณ 1,200 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า รายได้ของสามารถ ไอ-โมบาย จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไอ-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล จะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 50% ของบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้เนื่องจากเป็นการขยายธุรกิจไปสู่หลายๆประเทศพร้อมกัน ซึ่งมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่รองรับ
นายธวัชชัย กล่าวต่อไปว่า “ผมเชื่อมั่นว่าคอนเซ็ปท์การทำตลาดของไอ-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล นั่นคือการประสานให้เกิดความร่วมมือทั้ง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ, ค่ายมือถือ และไอ-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล (ผู้ให้บริการคอนเท้นท์) ในฐานะผู้เชื่อมโยงให้เกิดการใช้คอนเท้นท์ ผ่านฟีเจอร์ต่างๆของเครื่องโทรศัพท์ได้อย่างเต็มที่ จะประสบความสำเร็จในต่างประเทศไม่แพ้ในประเทศไทย โดยจะนำมาซึ่งการต่อยอดทางธุรกิจ ทั้งการขยายฐานสมาชิกโทรศัพท์มือถือ การเพิ่ม ยอดขายมือถือ และการเพิ่มรายได้จากบริการคอนเท้นท์”
“นอกจากนี้ การขยายฐานธุรกิจสู่ต่างประเทศ ซึ่งมีฐานลูกค้ารองรับจำนวนมาก ก็จะช่วยในเรื่องของการบริหารต้นทุนให้ต่ำลงได้ ทั้งทางด้านการจัดหาเครื่องโทรศัพท์มือถือ และการพัฒนาคอนเท้นท์ ซึ่งจะส่งผลให้เราสามารถนำเสนอสินค้าและบริการในราคาที่แข่งขันได้” นายธวัชชัย กล่าวเสริม
ทางด้านนายคริสเตียน เดอ ฟาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทTM International Sdn Bhd เปิดเผยว่า “จากการที่ธุรกิจผู้ให้บริการโมบายและคอนเท้นท์ ของสามารถ ไอ-โมบาย ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในประเทศไทย เทเลคอม มาเลเซียจึงมีความตั้งใจที่จะขยายธุรกิจดังนี้ไปยังธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ เนื่องจากการให้บริการคอนเท้นต์ยังมีศักยภาพเติบโตได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับทางสามารถ ไอ-โมบาย ที่มีความชำนาญ และทั้งหมดนี้จะนำมาซึ่ง ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นทางเลือกใหม่และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ รวมทั้งยังเป็นการสร้างความแตกต่างในการแข่งขันทางธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่อีกด้วย”
อนึ่ง สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด(มหาชน) เป็นผู้นำในการให้บริการด้านข้อมูลข่าวสาร สาระ และความบันเทิงผ่านสื่อต่างๆ ครบวงจร และจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งในแบบค้าปลีกผ่านร้าน i-mobile และค้าส่งผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ