‘Pop Mart’ เผชิญวิกฤตความเชื่อมั่น? หลังกระแส ‘LABUBU’ แผ่ว ฉุดมูลค่าหุ้นร่วง 40%

ดูเหมือนกระแสของเจ้า ลาบูบู้ (LABUBU) จะจางหายไปรวดเร็วพอ ๆ กับช่วงที่แจ้งเกิด จะเห็นว่าตอนนี้กระแสบนโลกโซเชียลฯ มีของใหม่อย่าง Fuggler หุ้นของ Pop Mart International Group ซึ่งเคยเป็น ขวัญใจตลาด ตอนนี้กำลังกลายเป็นคำถามสำคัญถึงอนาคตในระยะยาวของบริษัท

ถ้าเป็นตลาดเมืองไทย กระแสของ LABUBU มาแรงตั้งแต่ปี 2024 จากการที่ ลิซ่า แบล็กพิงค์ (Lisa Black pick) อวดโฉมเจ้าตุ๊กตาฟันแหลมขนปุยลงบน Story Instagram แต่กระแสในตลาดโลก โดยเฉพาะใน สหรัฐอเมริกา พิ่งจะมาแรงเอาช่วงต้นปี 2025

อย่างไรก็ตาม กระแสความนิยมของ LABUBU ก็เริ่มลดลง เห็นได้จากสัญญาณเตือนของ ราคารีเซล ในสหรัฐฯ ที่ลดลง นอกจากนี้ ยอดขายช่วง Black Friday ก็ยังน่าผิดหวัง โดยข้อมูลจาก YipitData ระบุว่า การเติบโตของรายได้ในอเมริกาเหนือของ Pop Mart ชะลอตัวลงเหลือ 424% ในไตรมาสปัจจุบัน (จนถึง 6 ธ.ค.) ซึ่งลดลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาสที่สาม (สิ้นสุดเดือน ก.ย.)

ขณะเดียวกันข้อมูลจาก S&P Global แสดงให้เห็นว่าการเดิมพันฝั่งขาลง (Bearish wagers) ต่อหุ้นของบริษัทได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023

ความกังวลใจของนักลงทุน ส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วงลงกว่า -40% และกลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่ทำผลงานแย่ที่สุดในตลาดฮ่องกง นอกจากนี้ยังเกิดคำถามสำคัญถึงอนาคตของบริษัทว่า POP MART จะยั่งยืนในระยะยาวเป็น Walt Disney หรือ Sanrio ฉบับเมืองจีนได้ หรือเป็นเพียงกระแสแฟชั่นที่มีวันหมดอายุ เหมือนเหตุการณ์ฟองสบู่ของตุ๊กตา Beanie Babies 

ความกังวลยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อราคาในตลาดมือสองของจีนเริ่มอ่อนตัวลง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยเริ่มแรกของวงจรสินค้าของสะสม การเทขายหุ้นรุนแรงขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคมหลังจากข้อมูลการติดตามในสหรัฐฯ บ่งชี้ว่ายอดขายช่วงวันหยุดไม่เป็นไปตามเป้า การดิ่งลงของหุ้นเพียง 2 วันทำลายมูลค่าไปเกือบ 14% และทำให้มูลค่าความเสียหายรวมนับจากจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ประมาณ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

แม้ว่า Pop Mart จะปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของหุ้นและยอดขาย Black Friday แต่ระบุว่าในปีหน้า บริษัทจะเพิ่มจำนวนร้านค้าและตู้ Roboshop ที่จำหน่ายกล่องสุ่มในสหรัฐฯ อีก เท่าตัว จากปัจจุบันบริษัทมีร้านค้า 60 แห่ง และตู้ Roboshop อีก 100 แห่ง

“การที่นักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นใน Labubu นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะมันเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและคาดการณ์พฤติกรรม ผู้บริโภคได้ยาก” Daisy Li ผู้จัดการกองทุนจาก EFG Asset Management กล่าว

อย่างไรก็ตาม POP MART เองก็คงรู้ดีว่าจะหวังพึ่งเพียงแค่ LABUBU ไม่ได้ ทำให้ที่ผ่านมา บริษัทจึง พยายามจะสร้างอาณาจักรความบันเทิง เช่น

  • เปิดสวนสนุก Pop Land ขนาด 40,000 ตร.ม. ในปักกิ่ง
  • มีรายงานว่าทำข้อตกลงกับ Sony Pictures เพื่อพัฒนาภาพยนตร์ Labubu
  • สร้างสตูดิโอในตัวเพื่อผลิตซีรีส์แอนิเมชัน Labubu
  • เปิดตัวแบรนด์เครื่องประดับ POPOP

ดังนั้น แม้จะมีข่าวลบ แต่พื้นฐานของบริษัทยังดูน่าประทับใจ รายได้ครึ่งปีแรกของปี 2025 พุ่งสูงถึง 1.39 หมื่นล้านหยวน ซึ่งมากกว่ายอดขายทั้งปีของปี 2020 ถึง 5 เท่า

ด้านนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ยังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยมองว่าการปรับฐานของหุ้นเป็นเรื่องปกติ และตลาดกำลังโฟกัสกับวงจรสินค้าในระยะสั้นมากเกินไปจนมองข้ามการขยายตัวของฐานลูกค้าประจำในระยะยาว

แต่ในทางกลับกัน ความพยายามของ Pop Mart ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังไม่ได้พิสูจน์ให้นักลงทุนเห็นว่าจะสามารถสร้างแฟรนไชส์ความบันเทิงที่ยั่งยืนแบบ Disney ได้จริง โดยเฉพาะหลังจากเห็นสัญญาณในตลาดสหรัฐฯ ที่แม้จะมีการโปรโมตอย่างหนัก (เช่น Labubu ไปปรากฏตัวในขบวนพาเหรด Macy’s และไปเยือนตึก Empire State) แต่ความสนใจในการค้นหาบน Google กลับลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน

ท้ายที่สุด Xiadong Bao จาก Edmond de Rothschild Asset Management ให้ความเห็นว่า “ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดคือ แรงส่ง (Momentum) ของ Labubu และ IP หลักอื่นๆ กำลังจางหายไปหรือไม่ เพราะหากยอดขาย Labubu แผ่วลง ตัวละครอื่น ๆ ที่เหลืออยู่อาจไม่เพียงพอที่จะพยุงการเติบโตของบริษัทให้เป็นไปตามความคาดหวังที่ตลาดตั้งราคาไว้สูงลิ่วก่อนหน้านี้ได้”

Source