ต้องยอมรับว่ากระแสของ อาร์ตทอย (Arttoys) หรือ กล่องสุ่ม ในไทยถูกจุดติดด้วย ป๊อปมาร์ท (POPMART) จนปัจจุบันป๊อปมาร์ทต้องเผชิญกับคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างล่าสุด มินิโซ (MINISO) ร้านไลฟ์สไตล์ยักษ์ใหญ่จากจีนก็ได้เปิดตัว MINISO LAND แต่ ศิริพร แผลงจันทึก Country General Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) ก็พร้อมรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นนี้
มั่นใจ IP ยังแข็ง
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา MINISO ร้านไลฟ์สไตล์ยักษ์ใหญ่จากจีน ที่ตอนนี้มีสาขากว่า 7,600 แห่ง ในกว่า 120 ประเทศ ได้เปิดตัว MINISO LAND ร้านระดับสูงสุดครั้งแรกในไทย ซึ่งมีพื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม. มีสินค้า IP มากกว่า 8,300 รายการ และคาแรกเตอร์กว่า 80 ตัว
ซึ่งทางด้าน ศิริพร มองว่า แม้จะเริ่มเห็นคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น แต่จุดแข็งที่สุดของ POP MART ก็คือ ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property : IP) ที่ออกแบบโดยศิลปิน ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากคู่แข่งที่ใช้การซื้อไลเซนส์มาผลิต ดังนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่ POP MART มองว่ายัง กุมความได้เปรียบ อยู่
นอกจากนี้ POP MART วางตำแหน่งตัวเองว่าอยู่ใน Entertainment Industry ไม่ใช่แค่ธุรกิจ ค้าปลีก (Retail) โดยจะเห็นได้ว่าแบรนด์มี POP LAND ธีมปาร์ค (Theme Park) ที่ตั้งอยู่ในปักกิ่ง ประเทศจีน และกำลังมีแผนขยายอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่าการทำแค่ร้านค้าปลีก เช่น การเปิดตัวเกม (Game) หรือแอนิเมชัน (Animation) ในอนาคต
“ถ้าเทียบกัน เรามองว่าเรากับคู่แข่งมี landscape ต่างกัน อย่างคู่แข่งเขาไม่ได้มี IP ของตัวเอง เช่น Labubu, Skullpanda, Molly ฯลฯ ต่างจากเขาที่ต้องซื้อลิขสิทธิ์มา นอกจากนี้ เราไม่ได้มองว่าเราเป็นรีเทล แต่เป็น Entertainment Industry”
เดินหน้าคอลแลปพาร์ทเนอร์
อย่างไรก็ตาม ศิริพร ยอมรับว่า กระแสของแบรนด์นั้นมีทั้งช่วงขึ้นลง แต่ความท้าทายของแบรนด์ก็คือ การรักษาโมเมนตั้ม ดังนั้น ศิริพร จึงพยายามพาตัวละครของ POP MART เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันผู้บริโภคโดยการ Cross-Industry Collaboration อาทิ Uniqlo (เสื้อผ้า), Vans (รองเท้า), KBank (บัตรเดบิต), Samsung (เครื่องใช้ไฟฟ้า) เพื่อให้ IP เหล่านี้เป็น Top of mind ในใจผู้บริโภค
“เราเองเรามีไลเซนส์กับแบรนด์อื่น ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ภาพของ POP MART หรือคาแรกเตอร์ใน IP ของเราหายไป โดยเราจะเข้าไปอยู่ในแทรกซึมอยู่ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ไปอยู่ในชีวิตประจำวัน และเมื่อไหร่ที่ IP ของเราเป็น Top of mind เขาก็จะสะสม”
ปัจจุบัน กลุ่มแฟนของ POP MART ไม่ได้มีแค่อายุ ช่วงอายุ 20 – 30 ปี แต่หลังจากที่คาแรกเตอร์อย่าง Crybaby และ Labubu โด่งดังอย่างมาก ฐานแฟนคลับได้ขยายไปสู่ ทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ทำให้เกิดการเชื่อมความสัมพันธ์ (Generation Gap) ภายในครอบครัวผ่านความชอบในการสะสมของเล่น
จัดอีเวนต์ใหญ่อย่างน้อยปีละครั้ง
นอกจากนี้ อีเวนต์ ก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่แบรนด์ใช้ เพื่อพยายามสร้างสรรค์เรื่องราวใหม่ ๆ และความตื่นเต้นให้ลูกค้า โดยล่าสุด POP MART THAILAND ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สยามพารากอน และสยามเซ็นเตอร์ จัดงาน POP LAND EXCLUSIVE FESTIVE EVENT IN THAILAND ซึ่งเป็นงาน Outdoor Pop-Up Event ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่รวมกว่า 1,000 ตร.ม. ครอบคลุมสยามพารากอน และสยามเซ็นเตอร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. นี้ ถึง 11 ม.ค. 2569
“เราอยากจัดอีเวนต์ใหญ่ให้ได้อย่างน้อยปีละครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับทางเฮดควอเตอร์จะอนุมัติด้วย อย่างอีเวนต์ POP LAND แม้จะไม่ได้จัดขึ้นครั้งแรกในภูมิภาค แต่ถือเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะงานครั้งแรกที่จัดที่สิงคโปร์มีเพียง 10 วัน และใช้พื้นที่น้อยกว่าไทยมาก แสดงให้เห็นว่าเฮดควอเตอร์ให้ความสำคัญกับไทยมาก”
ทั้งนี้ คาดว่างาน POP LAND จะมีผู้ชมกว่า 1,000 คน/วัน เชื่อว่าจะดึงดูดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ในส่วนยอดขายยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องของซัพพลายสินค้าที่อาจไม่ได้เพียงพอต่อความต้องการ
ตลาดไทยยังอยู่อันดับ 2 ของโลก
ปัจจุบัน POP MART มีสาขาทั้งหมดรวมป๊อป-อัพสโตร์ที่ 13 สาขา โดยยอดขายในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายทั่วโลก (ไม่รวมจีน) เป็นรองเพียง สหรัฐอเมริกา ที่มีสัดส่วนยอดขาย 50% โดย ศิริพร มั่นใจว่า ยอดขายในปีนี้ของ POP MART จะเติบโตได้ 2 หลัก โดย ศิริพร มองว่า แม้เศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อหดตัว แต่ POP MART เป็นสินค้าที่ขับเคลื่อนด้วย อารมณ์ ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ
“คนไทยมี Passion ในการสะสมสูงมาก เรียกได้ว่าไม่แพ้ชาติใดในโลก คือ ของมันต้องมี เขาพร้อมจะ ตามหาสินค้าคอลเลกชันที่ขาดอยู่ให้ครบ”
ปัจจุบัน IP ที่ขายดีที่สุดในไทย ได้แก่
- Labubu
- Crybaby
- Molly






