ประเทศไทยได้ก้าวสู่ ‘สังคมสูงวัยระดับสุดยอด’ โดยปี 2567 ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนมากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ ขณะเดียวกันบ้านเราก็ได้เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้เกิดความกังวลว่า คน Gen นี้จะเท่าทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผลวิจัย Silver Age Technology Adoption ของ ‘วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล’ (CMMU) ได้เผยถึงข้อมูลสุดเซอร์ไพรส์ที่จะลบภาพจำ ‘ผู้สูงวัยตามเทคไม่ทัน’ โดยระบุว่า
กลุ่ม Silver Age หรือคนอายุ 50+ เป็น ‘ผู้บริโภคดิจิทัลเต็มรูปแบบ’ ด้วยการใช้สมาร์ตโฟนถึง 95%, 61% ใช้ Tablet เป็นอุปกรณ์หลักในชีวิตประจำวัน และ 83% สนใจผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี ใช้ LINE และ Facebook เป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร ขณะที่ YouTube และ Netflix เป็นแพลตฟอร์มบันเทิงยอดนิยม
ที่น่าสนใจ คือ การยอมรับเทคโนโลยี AI โดย 94% ของคนกลุ่มนี้เคยใช้งาน AI แล้ว ซึ่ง AI Tools ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด ได้แก่
-ChatGPT 72%
-Google Gemini 49%
-Microsoft Copilot 25%
ส่วนเหตุผลที่ใช้ 82% ใช้เพื่อค้นหาข้อมูล 62% สำหรับเรียนรู้ และ 37% ช่วยงาน
นอกจากนี้ ปัจจุบันมีผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไปกว่า 19.6 ล้านคนที่ใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลในชีวิตประจำวันและใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยสูงถึง 4 ชั่วโมงต่อวัน
‘ความกังวล’ ปัจจัยการตัดสินใจใช้
แม้ผลการวิจัยจะชี้ให้เห็นว่ากลุ่ม Silver Age พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่การตัดสินใจใช้งานถูกขับเคลื่อนจาก ‘ความกังวล’ เป็นหลัก ซึ่งเมื่อเจาะลึกจะพบว่า อุปสรรคหลัก 3 อันดับของการยอมรับเทคโนโลยีของคนกลุ่มนี้ ได้แก่
ความซับซ้อนของระบบและฟังก์ชัน 69%
ปัญหาทางกายภาพ เช่น ตัวหนังสือเล็กเกินไป 67%
ความกลัวข้อมูลรั่วไหล-ถูกหลอก 57%
นอกจากนี้พบ 75.6% กลัวใช้งานผิดพลาดหรือทำข้อมูลหาย และ 72.7% รู้สึกว่าเทคโนโลยีซับซ้อนเกินไป
4 กลยุทธ์หลักเพื่อเป็นแนวทางสำหรับมัดใจตลาด Silver Age ทลายกำแพงความกังวลได้ดีที่สุด
1) ออกแบบให้ง่าย แต่สร้างให้ไว้ใจได้ เพื่อสร้างความมั่นใจและทลายความกังวล
2) โฟกัสที่สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเชิงรุกและความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
3) สร้างตัวตนที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะช่องทาง Official ของแบรนด์ ควบคู่กับการส่งเสริมรีวิวจากผู้ใช้งานจริง
4) Empower ให้ผู้ใช้งาน สื่อสารกับผู้มีอำนาจตัดสินใจตัวจริง พร้อมต่อยอดเป็น 5A Star metrix Framework กรอบแนวคิดเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้ประกอบการเทคโนโลยี นักพัฒนา AI และนักนวัตกรรม เพื่อใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการได้ตอบโจทย์ชาว Silver Age ได้อย่างแท้จริง
Accessibility (การเข้าถึง): เทคโนโลยีต้องถูกออกแบบมาให้ทุกคนใช้งานง่าย และเป็นมิตรกับผู้ใช้ทุกระดับประสบการณ์ เพราะอุปสรรคสำคัญของ Silver Age ไม่ใช่ทัศนคติที่ต่อต้านเทคโนโลยี แต่คือประสบการณ์ในอดีตที่ยุ่งยากจนทำให้ไม่กล้าลองสิ่งใหม่ การออกแบบที่เข้าใจผู้ใช้จึงเป็นจุดตั้งต้นของการยอมรับ
Assurance (ความมั่นใจ): เทคโนโลยีต้องสร้างความเชื่อมั่นผ่านคำแนะนำจากบุคคลในครอบครัว มีการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญและรีวิวที่ตรวจสอบได้
Autonomy (ความเป็นอิสระ): เทคโนโลยีควรเป็นเครื่องมือที่เสริมพลัง และช่วยให้มีอิสระในการใช้ชีวิต ช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถจัดการสุขภาพเชิงรุกและดูแลตนเองได้ เพราะสิ่งที่ผู้สูงวัยกลัวที่สุดไม่ใช่โรคภัยแต่คือ การสูญเสียความสามารถในการดูแลตัวเอง
Affordability (ความคุ้มค่า): Silver Age ไม่ได้มองหาเทคโนโลยีที่ถูกที่สุด แต่ต้องการราคาที่สมเหตุสมผล สอดคล้องกับคุณค่าที่ได้รับ การสื่อสารให้เห็นความคุ้มค่าอย่างชัดเจนและมีทางเลือกที่ยืดหยุ่น คือกุญแจสำคัญของการตัดสินใจซื้อ
Affinity (ความผูกพัน): เทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จต้องเชื่อมโยงผู้สูงวัยกับครอบครัว ผ่านฟีเจอร์ที่ใช้งานร่วมกันได้ เช่น บัญชีหลายผู้ใช้หรือแดชบอร์ดสำหรับครอบครัว เพราะผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ ‘เพื่อทั้งบ้าน’ มีโอกาสถูกตัดสินใจซื้อมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะผู้สูงวัยเพียงคนเดียว
สำหรับการทำวิจัย Silver Age Technology Adoption ของ CMMU มีกลุ่มตัวอย่าง 621 คน จากกรุงเทพมหา นครและปริมณฑล โดยส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 50–65 ปี มีสถานะสมรส การศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี หน้าที่การงานมั่นคง และมีรายได้ตั้งแต่ 50,000 ขึ้นไปจนถึงมากกว่า 150,000 บาท



