ช่วงเทศกาลปีใหม่ ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ ”สุรา-เบียร์“
โดยก่อนหน้านี้ ‘ไทยเบฟ’ ได้ประเดิมเปิดตัว เหล้ากระป๋องพร้อมดื่ม บุกตลาด RTD (Ready to Drink) ภายใต้แบรนด์ “หงส์ไทย” ใน 2 รสชาติ คือ สูตรเหล้าผสมโซดา และ สูตรเหล้าผสมโคล่า แอลกอฮอล์ 4.8%
ล่าสุด ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2568 นี้ ได้แตกไลน์ และจัดจำหน่าย “เหล้าขาวพร้อมดื่ม” แบรนด์ “รวงข้าว” ใน 2 รสชาติ แอลกอฮอลล์ 5% ราคา 50-55 บาท/กระป๋อง (แล้วแต่ร้านค้า) ได้แก่
- Red แดงในตำนาน (รสตรอว์เบอร์รี)
- Green มะนาวป๊อก

วิเคราะห์เหตุผลทำไมไทยเบฟต้องทำเหล้า RTD
หากวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ไทยเบฟ ดึงแบรนด์ “รวงข้าว” จาก ‘เหล้าขาว 40 ดีกรี’ มาอัปเกรดเป็น ‘เหล้าขาวพร้อมดื่ม แอลกอฮอล์ 5%“ หลัก ๆ แบ่งเป็น 3 ด้าน
1.ธุรกิจเหล้ารายได้ลดลง เซ่นพิษเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมา ธุรกิจเหล้า เป็นท่อน้ำเลี้ยงรายได้วอลลุ่มใหญ่ให้แก่ไทยเบฟมานาน แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อตลาดเหล้า โดยเฉพาะกลุ่มเหล้าขาวที่มีผู้ดื่มหลัก เป็นกลุ่มฐานรากที่มีกำลังซื้อจำกัด
โดยปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 67 – ก.ย. 68) ธุรกิจเหล้า ของไทยเบฟ มีรายได้และกำไรลดลง เมื่อเทียบแบบปีต่อปี (YoY) ดังนี้
ปี 2568
รายได้ 118,604 ล้านบาท ลดลง 1.8%
กำไรสุทธิ 19,880 ล้านบาท ลดลง 7%
ปี 2567
รายได้ 120,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8%
กำไรสุทธิ 21,385 ล้านบาท ลดลง 4.6%
ปี 2566
รายได้ 119,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1%
กำไรสุทธิ 22,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5%
ส่วนปริมาณการดื่มเหล้าของผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง…
- ปี 2568 อยู่ที่ 617.4 ล้านลิตร
- ปี 2567 จำนวน 637.8 ล้านลิตร
- ปี 2566 จำนวน 643 ล้านลิตร

2.ยุทธศาสตร์การเร่งทำตลาดแบรนด์ “รวงข้าว”
ที่ผ่านมา “รวงข้าว” เป็น 1 ในแบรนด์เรือธงของพอร์ตฯ เหล้าที่สำคัญของกลุ่มไทยเบฟ ในอดีตทำเหล้าขาวปริมาณแอลกอฮอล์สูง 35 – 40 ดีกรี เน้นหนักไปที่กลุ่มฐานราก แรงงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด
ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ไม่ค่อยทำการตลาดมากนัก การเปิดตัวเหล้า RTD รวงข้าว ถือเป็นการบิ้วแบรนด์ครั้งใหญ่ ทั้งในกลุ่มลูกค้าเดิม และขยายฐานไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ตลอดจนคนกลุ่มเมืองมากขึ้น ให้เข้ามาลองแบรนด์รวงข้าว หากเป็นกระแสก็ ‘อาจช่วยกระตุ้นยอดขาย’ สินค้าเดิมได้อีกทาง

3.เทรนด์หนุนจากคนรุ่นใหม่
การออกเหล้า RTD ยังสอดรับกับ พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่ดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณน้อยลง (เหล้าขาวรวงข้าว RTD แอลกอฮอล์ 5% จากรูปแบบเดิม 35-40%)
และอีกหนึ่งอินไซต์สำคัญของคนรุ่นใหม่ที่ไทยเบฟพบ คือ ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดโควิด การตั้งวงดื่มสังสรรค์แทบไม่มี ทำให้นักดื่มหน้าใหม่ ชงเหล้าไม่เป็น หรือไม่ชอบชงเอง ชอบแบบสำเร็จรูป ออกมารสชาติดี จึงเกิดการทำเหล้าพร้อมดื่มขึ้นมานั่นเอง
เรียกได้ว่า กลยุทธ์ของไทยเบฟรอบนี้ ”ยิงปืนนัดเดียว แต่ได้นกหลายตัว“ ทั้งเพิ่มยอดขายเหล้าจากกลุ่ม RTD การขยายแบรนด์สู่คนรุ่นใหม่ ตลอดจนได้กระแสจากการออกสินค้าใหม่!



