LG ประสบความสำเร็จปี 46 ยอดขายทะลุเป้า เผยแผนปีนี้เน้นตลาดไฮเอนด์-ดีไซน์ คาดโตอีก 40% พร้อมก้าวขึ้นสู่ Top 3 ภายใน 2010

แอลจีมิตร อีเลคทรอนิคส์ ตั้งเป้าปีนี้โต 40 เปอร์เซ็นต์ หลังจากประสบความสำเร็จจากยอดขายโดยรวมในปีที่ผ่านมา กว่า 6,700 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวสโลแกนใหม่ “ LG Life’s Good” ทุ่มสินค้าไฮเอนด์ชิงส่วนแบ่งตลาดบน มั่นใจเทคโนโลยีและดีไซน์ของผลิตภัณฑ์สมบูรณ์แบบ ย้ำกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งยังเป็นหัวใจสำคัญในการทำตลาดปีนี้รวมทั้งยังเร่งเปิดศูนย์บริการให้ครอบคลุมมากขึ้นกว่าเดิม

มร. ยัง แจ กวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯว่าในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมประมาณ 6,700 ล้านบาทซึ่งนับว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากผลิตภัณฑ์ในหมวด Home Appliance (HA) โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าที่ยังสามารถครองอันดับหนึ่งในตลาดเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันด้วยสัดส่วนทางการตลาดประมาณกว่า 22 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเครื่องซักผ้าแบบถังเดี่ยวที่มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 32% จากปี 2002

นอกจากนี้ภายหลังจากการเปิดตัวโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศและรุกทำตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯสามารถผลักดันยอดขายให้อยู่ในอันดับที่ 4 ของตลาดรวมได้เป็นที่สำเร็จ ทั้งนี้รวมถึงอัตราการปรับตัวของยอดจำหน่ายไมโครเวฟที่เติบโตขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้ก้าวสู่อันดับที่ 2 หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์ เช่น ตู้เย็น Side by Side ที่มีการขยายตัวแบบก้าวกระโดดจนสามารถขึ้นมามียอดขายอยู่ในระดับแถวหน้าภายใต้ระยะเวลาในเพียงไม่นาน

ทั้งนี้ในส่วนผลิตภัณฑ์กลุ่มไอที เช่น อุปกรณ์สตอเรจที่ขึ้นมาติดอันดับหนึ่งในสามด้านยอดขายและจอมอนิเตอร์ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้วอีก 24 เปอร์เซ็นต์และยังคงครองอันดับหนึ่งไว้ได้ นอกจากนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านภาพและเสียง ยอดจำหน่ายของทีวีสามารถขึ้นมาติดอันดับหนึ่งในสามของประเทศเช่นกัน ส่วนสินค้าประเภทไฮเอนด์ เช่น PDP และโปรเจคชั่นทีวี ก็ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมากขึ้นตามไปด้วย

จะเห็นได้ว่าตลาดไฮเอนด์ของแอลจีในไทยมีแนวโน้มสดใส อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทแม่ซึ่งได้กำหนดวิสัยทัศน์รวมโดยให้บริษัทเครือข่ายทั่วโลกร่วมกันผลักดันแบรนด์แอลจีให้ก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งใน 3 ของโลก ซึ่งมีกลยุทธ์หลักคือเน้นการพัฒนาและจำหน่ายสินค้าในตลาดระดับบนหรือตลาดพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้มีความคล่องตัว และพร้อมเสมอต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์แวดล้อมภายนอกภายใต้วิสัยทัศน์หลักคือ “Great Company Great People” อีกทั้งยังเปลี่ยนสโลแกนจากเดิมที่เป็น Digitally yours มาสู่ LG Life’s Good เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ให้โดดเด่นและประกาศความพร้อมในการก้าวเข้าสู่โลกดิจิตอลที่สมบูรณ์ของแอลจี

ในส่วนของผลประกอบการในไทยในปีนี้ มร. ยัง แจ กวน กล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ไว้ 40% หรือประมาณ 8,500 ล้านบาท โดยจะหันมาให้ความสำคัญกับการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์เป็นธงนำในการรุกตลาดและสื่อสารให้กลุ่มผู้ใช้คนไทยเชื่อมั่นว่าสินค้าแอลจีคือผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบและสามารถผสานกับ Life style ยุคใหม่ได้อย่างลงตัวในทุกมิติแห่งความต้องการ ในส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตลาดอื่นๆนั้น แอลจีจะยังคงรักษาจุดแข็งไว้เพื่อรักษาฐานเดิม และเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดให้มากขึ้น อาทิ การให้มูลค่าเพิ่มแก่ผู้ซื้อสินค้าทั้งในด้านฟีเจอร์ของการทำงาน และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรคู่ค้า เป็นต้น

นายอลงกรณ์ ชูจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แอลจีมิตร อีเลคทรอนิคส์ จำกัด กล่าวถึงการนำผลิตภัณฑ์ในระดับไฮเอ็นด์เข้ามาวางตลาดในปีนี้ว่า เมื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์เปิดกว้างมากขึ้นนับเป็นโอกาสดีที่บริษัทฯ จะขยายฐานกลุ่มลูกค้าหากการซื้อขายบ้านคล่องตัวย่อมส่งผลให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้ากระเตื้องขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับความต้องการสินค้าไอทียังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทฯวางไว้คือ ด้านคุณภาพของสินค้าโดยรวมจะเน้นเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกสบาย รวมถึงรูปลักษณ์ต้องเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนไทยและมีความหลากหลายมากขึ้น

ซึ่งภายใต้นโยบายที่ต้องการจะเน้นตลาดบนนั้นสำหรับประเทศไทยคงพิจารณาในเรื่องของราคาแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะต้องยอมรับว่าสิ่งที่แอลจีประสบความสำเร็จมาได้นั้นเนื่องจากการผสานกลยุทธ์ทุกด้านได้อย่างลงตัวไม่ว่าจะเป็นราคา เทคโนโลยีที่ทันสมัย และฟังก์ชั่นการทำงานที่สมดุลย์กับการตัดสินใจซื้อแต่ละครั้งของผู้บริโภค แต่ปีนี้ทางแอลจีวางแผนเพิ่มในส่วนของรูปลักษณ์ดีไซน์ และมั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากทุกๆสินค้าจากแอลจี อาทิ การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการซักในปีนี้คือ “3 Way Wash” เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำด้านเครื่องซักผ้าอย่างต่อเนื่อง

หรือแม้แต่เครื่องปรับอากาศที่จะเปิดตัวในปีนี้ที่ได้ผสานดีไซน์กับเทคโนโลยี NANOplasma ภายใต้ชื่อรุ่น “ART COOL” ก็น่าจะทำให้แบรนด์แอลจีผงาดขึ้นมาในตลาดได้อย่างภาคภูมิ ส่วนไมโครเวฟและเครื่องดูดฝุ่นนั้นแอลจีพร้อมเปิดตัวตลอดปีนี้กว่า 17 รุ่น ซึ่งทางบริษัทฯต้องการทำตลาดในไทยอย่างจริงจังหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ทั้งสองประเภทได้รับความนิยมจากทั่วโลกมาแล้ว เช่นเดียวกับตู้เย็นซึ่งปัจจุบันคนไทยหันมาให้ความสนใจรูปลักษณ์ดีไซน์มากขึ้นส่งผลให้ Side by Side ของแอลจีมียอดจำหน่ายสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีที่ผ่านมา และสำหรับในปีนี้กระแสความแรงของสินค้าที่เน้นทางด้านดีไซน์ยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯมั่นใจว่าน่าจะมียอดจำหน่ายสูงยิ่งขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ด้านภาพและเสียง ทางบริษัทฯมั่นใจว่าการเปิดตัวทีวีตระกูลไฮเอนด์รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า “LG Lafinion” ประมาณกลางปีนี้นั้นน่าจะสร้างความฮือฮาให้แก่ตลาดและประสบความสำเร็จได้เช่นที่ “LG FLATRON” เคยสร้างปรากฏการณ์นั้นมาแล้ว ประกอบกับการนำเครื่องเล่น DVD + 2.1Channel มากระหน่ำ

ตลาดในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันเพื่อเปิดเซกเม้นท์ตลาดใหม่ที่เจาะกลุ่มเฉพาะผู้ที่ต้องการมีโฮมเธียเตอร์ไว้ในบ้านแต่มีพื้นที่จำกัด เหล่านี้เป็นต้น สำหรับตลาดมือถือที่มีการแข่งขันทวีความเข้มข้นมากขึ้นนั้น แอลจีจะยังคงดำเนินกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าโดยการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีจะเน้นไปที่การสร้างความมั่นใจด้านบริการหลังการขายมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งแผนงานที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคือการเปิด Shop เป็นของตนเอง ซึ่งยังต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายประการ

ด้านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดนั้น นายอลงกรณ์ กล่าวว่า บริษัทฯได้จัดเตรียมงบประมาณไว้ประมาณ 800 ล้านบาทโดยจะเน้นไปที่ Sport Marketing เนื่องจากภายในปีนี้จะมีการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ๆ ตลอดทั้งปี อาทิ ฟุตบอล Euro 2004, Asian Cup รวมทั้งกีฬา Olympic นอกจากนี้คงมีการทำแคมเปญร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ และการจัด Event หรือ Road Show ร่วมกัน

ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นสิ่งที่ทวีความสำคัญมากขึ้นโดยเฉพาะพนักงานขายถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทในการชักจูงใจและมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค บริษัทฯจะอบรมพนักงานขายให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้ารวมไปถึงการให้ความรู้เชิงปรียบเทียบ เพราะแม้แบรนด์จะเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่ถ้าพนักงานขายขาดประสิทธิภาพและให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้ไม่เต็มที่ก็อาจส่งผลให้ลูกค้าเปลี่ยนใจได้ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีโครงการขยายศูนย์บริการแอลจีจากเดิม 130 แห่ง เป็น 160 แห่งทั่วประเทศ โดยเน้นที่จะพัฒนาให้เป็น LG ASC (Authorize Service Center) เพื่อสร้างมาตรฐานและประสิทธิภาพของการบริการให้เป็นหนึ่งเดียวทั่วประเทศ