นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า “จากนโยบายของเอไอเอสที่มุ่งมั่นเดินหน้าเพื่อพัฒนาบริการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสรรหาเทคโนโลยีต่างๆเพื่อนำมาประยุกต์รูปแบบให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม โดยล่าสุดได้เปิดตัวบริการ Push To Talk บนเครือข่ายอัจฉริยะของเอไอเอส (Push To Talk Over Cellular) ขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการที่ต้องการความรวดเร็วในการสื่อสารเป็นกลุ่ม อันถือเป็นพัฒนาการอีกขั้นของรูปแบบการสื่อสารที่หลากหลายยิ่งขึ้นจากเอไอเอส โดยเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้ ทั้งสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรและกลุ่มผู้ใช้บริการรายบุคคล ทั้ง Prepaid และ Postpaid”
Push To Talk Over Cellular ถือเป็นรูปแบบการสื่อสารใหม่ล่าสุดของการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยจุดเด่นของบริการนี้คือ การนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM มาใช้งานเสมือนหนึ่งเป็น วอล์คกี้ ทอล์คกี้ ได้ โดยจากเดิมหากต้องการโทร.ออก ผู้ใช้งานต้องกดเบอร์โทรศัพท์เพื่อทำการเรียกสายปลายทาง (dial up) แต่ Push To Talk นั้นผู้ใช้งานสามารถกดปุ่มแล้วพูดออกไปได้ทันที ทั้งนี้องค์ประกอบของการให้บริการ Push To Talk ได้นั้น ประกอบด้วย
– เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งสามารถสนับสนุนการใช้งาน Push To Talk
– เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมฟังก์ชั่นการใช้ Push To Talk ซึ่งในช่วงแรกเอไอเอสได้ร่วมมือกับ บริษัท โนเกีย ในการร่วมพัฒนาการใช้งาน
– พื้นที่ให้บริการเครือข่าย GPRS
ส่วนประโยชน์จากบริการ Push To Talk นั้น ประกอบด้วย
1. สามารถนำโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ GSM มาใช้งานเสมือนเป็นวอล์คกี้ ทอล์คกี้ โดยจากเดิมที่ต้องกดเบอร์โทร.ออกก่อน มาเป็นการกดปุ่มแล้วสามารถพูดออกไปได้ทันทีด้วยรูปแบบของ Instant Talk
2. สะดวกด้วยการใช้งานจากเครื่องมือถือเพียงเครื่องเดียว ก็สามารถเลือกฟังก์ชั่นการใช้งานได้ทั้งเป็น Push To Talk และเป็นการใช้งานมือถือปกติ หรือOne Number One Device
3. เนื่องจากเป็นการสื่อสารด้วยเสียงบนเครือข่าย GPRS จึงมีคุณสมบัติแบบ Always on
4. สามารถสื่อสารแบบตัวต่อตัวและเฉพาะกลุ่มได้สูงสุดถึง 200 คน หรือ one to one และ one to many
5. สามารถใช้งานได้ทั่วประเทศด้วยศักยภาพจากเครือข่ายอัจฉริยะของเอไอเอส ซึ่งต่างจากวอล์คกี้ ทอล์คกี้ ทั่วไปที่ถูกจำกัดการใช้งานเฉพาะพื้นที่
6. ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะจ่ายเพียงครั้งเดียวแต่สามารถสื่อสารได้ทั้งกลุ่มอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานพิเศษที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น ประกอบด้วย Call Back Request, Active Members Checking, Closed – Open Group, Secured Group, Default/Listener/Inactive Group Status, SMS Invitation, etc.
“ส่วนอัตราค่าใช้บริการสำหรับ Push To Talk ของเอไอเอส คือ ค่าบริการรายเดือน 100 บาท และคิดค่าใช้บริการเป็นรายนาที (ผู้พูดเป็นผู้จ่าย) ในอัตรานาทีละ 2 บาท สำหรับลูกค้าองค์กร, นาทีละ 2.50 บาท สำหรับลูกค้า Postpaid และ นาทีละ 3 บาท สำหรับลูกค้า Prepaid โดยสามารถให้บริการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้สำหรับลูกค้า Postpaid และ Prepaid ที่สนใจและมีเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งสนับสนุนการใช้งาน Push To Talk สามารถสมัครใช้บริการได้ผ่านระบบ IVR ที่หมายเลข *119 ส่วนลูกค้าองค์กรนั้น หากสนใจใช้บริการสามารถติดต่อมายังหน่วยงานลูกค้าองค์กรของเอไอเอสได้ทันที”
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อไปว่า “วันนี้เอไอเอสได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานในอุตสาหกรรมหลากหลายกลุ่มเข้ามาใช้บริการ ประกอบด้วย บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็กซตรอกาไนเซอร์ จำกัด, บริษัท อพอลโล ออยล์ จำกัด และโรงแรมฮาร์ดร็อค พัทยา ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มธุรกิจต่างๆเหล่านี้ต่างมีส่วนเป็นพลังที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้านต่างๆในภาพรวม ซึ่งเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยี Push To Talk เมื่อผนวกเข้ากับศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะของเอไอเอสจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้การดำเนินงานของทุกหน่วยงานสำเร็จสมตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งแน่นอนเท่ากับเป็นการร่วม Drive เศรษฐกิจของประเทศให้พัฒนายิ่งขึ้นเช่นกัน”