ตรานกพิราบติดปีก

บริษัทสันติภาพ (ฮั่วเพ้ง 1958) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ผักดองหลากหลายชนิดภายใต้เครื่องหมายการค้าตรา ‘นกพิราบ’ กำลังมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาธุรกิจ โดยหลังจากที่บริษัทได้จัดการสะสางปัญหาถูกฟ้องล้มละลายเสร็จสิ้นลง จึงทำให้ฝ่ายบริหารสามารถทุ่มเทเวลาให้กับการฟื้นธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัท

สันติภาพฯ มีผลิตภัณฑ์หลากหลายกว่า 40 ชนิด ในบรรจุภัณฑ์ขนาดต่างๆ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของอุตสาหกรรมค้าปลีกในประเทศไทยก็มีผลกระทบต่อผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเช่นสันติภาพฯ จากการที่ไม่มีการสนับสนุนทางด้านการตลาดอย่างเพียงพอ ทำให้ยอดขายในส่วนของโมเดิร์นเทรดของผลิตภัณฑ์บางชนิดของบริษัทฯ ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ บริษัทจึงได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างของฝ่ายขายและฝ่ายกระจายสินค้าเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ ยอดขายจากการส่งออกได้ทำรายได้เป็นสัดส่วนใหญ่ของบริษัท แม้ส่วนต่างผลกำไร (มาร์จิ้น) มักเป็นประเด็นปัญหาอยู่เสมอ หนึ่งในกลยุทธ์การส่งออกที่บริษัทวางแผนไว้ก็คือ การจัดการธุรกิจส่งออกอย่างระมัดระวังโดยใช้จุดแข็งและเป้าหมายของบริษัทเป็นเกณฑ์

ในด้านการขาย ขณะนี้บริษัทกำลังทบทวนวิธีการ เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า
ที่ดียิ่งขึ้น ในการนี้บริษัทกำลังดำเนินการในหลายๆ วิถีทาง โดยในภาคใต้และภาคเหนือ บริษัทได้
แต่งตั้งเอเย่นต์ใหญ่ เพื่อช่วยจัดการกับร้านค้าปลีกที่มีกระจายอยู่มากมายในภูมิภาคทั้งสอง ในเขตกรุงเทพฯ บริษัทได้ทำการเพิ่มพนักงานขายและเจ้าหน้าที่สนับสนุน เพื่อให้เหมาะสมกับฐานลูกค้ายิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาบริษัทได้คงไว้ซึ่งสูตรและรสชาติของผลิตภัณฑ์ให้เหมือนเดิม แบบที่ลูกค้ารู้จัก
และชื่นชอบ นวัตกรรมใหม่ๆ ที่บริษัทได้นำออกสู่ตลาดก็คือ ผลิตภัณฑ์เดิมในบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย และ
ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วของบริษัทฯ

คุณมาลัย รัชตสวรรค์ กรรมการบริหาร บริษัทสันติภาพ (ฮั่วเพ้ง 1958) จำกัด กล่าวว่า “คุณภาพและราคาของผลิตภัณฑ์ของเราไม่เคยเป็นตัวถ่วงการเติบโตของบริษัท ปัญหาที่แท้จริงก็คือประสิทธิภาพ
ในการกระจายสินค้าและการผลิต” ขณะนี้เรากำลังพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้อยู่ และเราเชื่อมั่นว่า
ผู้บริโภครุ่นใหม่ของเราจะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเราได้ง่ายดายยิ่งขึ้น”

การมีเวลาเข้ามาทุ่มเทกับการพัฒนาธุรกิจของบริษัททำให้ผู้บริหารสามารถทำการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งบริษัทและลูกค้าของบริษัท โดยในขณะนี้บริษัทกำลังดำเนินการตามแผนการพัฒนาภายใต้การนำของผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ นายมหศักดิ์ ตั้งอรุณสันติ บริษัทกำลังดำเนินการยกเครื่องปรับปรุงกลยุทธ์ในด้านการกระจายสินค้า การที่มีโมเดิร์น เทรดเกิดขึ้นมากมาย ทำให้บริษัท ต่างๆ ในประเทศไทย เช่น สันติภาพฯ ต้องทบทวนวิธีการแบบเดิมๆ ที่เคยใช้กับผู้ค้าปลีกใหม่

ปัจจุบันยอดขายในโมเดิร์น เทรดคิดเป็น 40% ของยอดขายทั้งหมด และคาดว่าจะเติบโตเร็วขึ้นกว่า
ช่องทางขายแบบเดิม เช่นเดียวกับยอดขายระหว่างต่างจังหวัดกับกรุงเทพฯ ซึ่งในปัจจุบันมีสัดส่วน
40% และ 60% ตามลำดับ ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ จะเข้าใกล้ 50/50 ในปีหน้า เช่นเดียวกับสัดส่วนยอดขายในช่องทางโมเดิร์น เทรด และช่องทางขายปลีกเดิม
ก็จะเป็น 50/50 เช่นกัน

“เราคาดหวังว่ายอดขายของเราจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีก3-5 ปีข้างหน้า” คุณมหศักดิ์ กล่าวเสริม “ปัจจุบันนี้คนไทยบริโภคผลิตภัณฑ์ของเราเกือบหนึ่งกระป๋องต่อคนต่อปี กระแสเงินสดของบริษัทที่
แข็งแกร่งขึ้นจากการดำเนินธุรกิจของเรา ทำให้เราสามารถทุ่มเทกับการปรับปรุงการดำเนินการด้าน
การตลาดเพื่อที่จะเพิ่มการบริโภคให้มากขึ้นได้”

เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเอร็ดอร่อยกับผลิตภัณฑ์ตรานกพิราบของบริษัทมากขึ้น ขณะนี้บริษัทกำลังจัดทำตำราอาหารใหม่ 2 ชุด ที่มีผลิตภัณฑ์ตรานกพิราบเป็นส่วนผสมโดยตำราเหล่านี้จะแจกฟรีในนิตยสาร
การครัวพร้อมกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท และเพื่อเพิ่มการบริโภค บริษัทกำลังวางแผนใช้สื่อในการสนับสนุน ด้วยการให้การสนับสนุนรายการเกมโชว์ รายการทำอาหาร ในโทรทัศน์ นิตยสารสตรี รวมถึงกิจกรรมด้านการตลาดอื่นๆ ที่จะเน้นให้มีขึ้นในโมเดิร์น เทรด

หลังจากการปรับโครงสร้างภายใต้คำสั่งศาลที่กินระยะเวลายาวนาน ในปี 2546 ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของสันติภาพฯ ได้แก่ กองทุนสยาม อินเวสท์เมนท์ ฟันด์ สอง ภายใต้การบริหารโดย บริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) จากการช่วยเหลือของฟินันซ่า ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จึงทำให้สันติภาพฯ ประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้ เป็นผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น และทำให้ฝ่ายบริหารสามารถทุ่มเทกับการพัฒนาธุรกิจของบริษัท นอกจากนี้ ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น
ยังนำมาซึ่งการสนับสนุนจากธนาคารและซัพพลายเออร์ อันเป็นการเปิดโอกาสใหม่ให้บริษัท ซึ่งรวมถึงการบรรลุข้อตกลงการกู้เงินจากธนาคารกรุงเทพฯ

รูปการณ์ของสันติภาพในปี 2547 ดูแข็งแกร่งสดใสยิ่งขึ้น จากเงินกู้ก้อนใหม่จากธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) คณะกรรมการบริหารใหม่ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญนอกอุตสาหกรรมอาหาร และทีมนักบริหารที่
แข็งแกร่ง ทั้งนี้ เงินกู้ก้อนใหม่จะทำให้บริษัทสามารถขยายโรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

อนาคตตอนนี้ดูจะสดใสแล้วสำหรับผลิตภัณฑ์ตรา “นกพิราบ” หนึ่งในผลิตภัณฑ์ในดวงใจของชาวไทย
ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง