ทุกวันนี้ผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสุขภาพปากและฟัน มีทางเลือกหลากหลายในการ ดูแลสุขภาพในช่องปาก การเคี้ยวหมากฝรั่งก็เป็นวิธีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่ทราบกันดีว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นวิธีการทำความสะอาดฟันที่ดีมากวิธีหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่ นอกบ้านและการแปรงฟันเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกนัก
หมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลจะไม่ทำให้เกิดฟันผุเพราะมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล (sweetener) เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ หลายๆ ท่านอาจมีข้อสงสัยว่า “เมื่อไม่มีน้ำตาล ก็ไม่ทำให้ฟันผุแล้วจะช่วยป้องกันฟันผุได้หรือไม่” จึงขอกล่าวถึงข้อเท็จจริงและความแตกต่างของหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลแต่ละประเภทให้ทราบดังนี้
แต่เดิมนั้นน้ำตาลเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ผสมในขนมขบเคี้ยวตลอดจนหมากฝรั่งเพื่อให้รสหวานอร่อย แต่ข้อเสียก็คือ “น้ำตาลนั้นนอกจากจะเป็นอาหารของเราแล้ว ยังเป็นอาหารของแบคทีเรียในปากที่มีชื่อว่า ‘สเตร็ปโตค็อกคัส มิวแทน’ (Streptococcus mutans) ตัวการหลักของการเกิดฟันผุอีกด้วย” เมื่อน้ำตาลเป็นต้นเหตุหนึ่งของปัญหาฟันผุ ผู้ผลิตหมากฝรั่งหลายๆ รายจึงหันมาใช้ “สารให้ความหวานรสคล้ายน้ำตาล” แทนการใช้น้ำตาล เนื่องจากแบคทีเรียไม่สามารถย่อยสลายสารให้ความหวานเหล่านี้ได้ จึงไม่ทำให้เกิดฟันผุ
สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่
– ไซลิทอล
– แอสปาแตม
– ซอร์บิทอล
– แมนนิทอล
– อะซีซัลเฟม-เค
อย่างไรก็ดี ในบรรดาสารให้ความหวานทั้งหมด “ไซลิทอล” ดูจะโดดเด่นที่สุด เนื่องจากให้รสชาติหวานอร่อยใกล้เคียงน้ำตาลมากที่สุด อีกทั้งยังให้พลังงานหรือแคลอรี่น้อยกว่าน้ำตาลถึง 40% ที่สำคัญก็คือ “ไซลิทอล” ช่วยป้องกันฟันผุได้ เพราะสามารถทำให้แบคทีเรียต้นเหตุของการเกิดฟันผุลดจำนวนลงได้ เนื่องจากแบคทีเรียนั้นไม่สามารถย่อยไซลิทอลเป็นอาหาร ซึ่งสารให้ความหวานอื่นๆ ไม่สามารถทำได้
มารู้จัก “ไซลิทอล” กันเถอะ
“ไซลิทอล” คือ น้ำตาลแอลกอฮอล์ธรรมชาติชนิดหนึ่ง พบได้ในพืช ผักและผลไม้หลายชนิด อาทิ ต้นเบิร์ช สตรอเบอร์รี่ รวมถึงผลไม้เปลือกแข็ง เช่น ถั่วเชสนัท และถั่ววอลนัท เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของไซลิทอลที่ช่วยลดปัญหาฟันผุ มีรสหวานอร่อยและเป็นผลิตผลจากธรรมชาติ หลายๆ ประเทศชั้นนำใน ยุโรปและอเมริกาจึงมีการนำไซลิทอลมาใช้เป็นส่วนประกอบในขนมขบเคี้ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมากฝรั่งเพื่อช่วยลดปัญหาฟันผุ นับเนื่องเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และยังนิยมแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
จากการค้นคว้าวิจัยพบว่า ผู้ที่เคี้ยวหมาก-ฝรั่งที่มีสารไซลิทอล* 5 ครั้ง/สัปดาห์ ติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ มีปริมาณคราบจุลินทรีย์ในปาก ลดลงถึง 38% ในขณะที่ผู้ที่เคี้ยวหมากฝรั่งที่มี สารซอร์บิทอล (Sorbitol) ที่พบในหมากฝรั่ง-ปราศจากน้ำตาลทั่วๆ ไป ในระยะเวลาเท่ากัน จะมีปริมาณคราบจุลินทรีย์ในปากลดลงเพียง 9.7%
และแน่นอนว่าหากเรายังเคี้ยวหมากฝรั่งธรรมดาที่ใช้น้ำตาลไม่ว่าจะเป็นซูโครสหรือกลูโคสเป็นส่วนประกอบ ในระยะเวลาเท่าๆ กัน ก็ย่อมจะเป็นการเพิ่มปริมาณคราบจุลินทรีย์ในปากให้ยิ่งมากขึ้น ฟันของเราจึงยิ่งเสี่ยงต่อการผุมากยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมทั้งไซลิทอล* และ ซอร์บิทอล พบว่าจะยิ่งเสริมประสิทธิภาพช่วยลดปัญหาคราบจุลินทรีย์ได้ดีกว่าหมากฝรั่งที่มีซอร์บิทอลเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ ในการศึกษาเกี่ยวกับการผุของฟันน้ำนม และฟันแท้ ยังพบว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของไซลิทอลช่วยให้การสะสมแร่ธาตุกลับคืน (Remineralisation) ของแคลเซี่ยม และฟอสเฟตซึ่งเป็นองค์ประกอบของเนื้อฟันเพิ่มขึ้นมากกว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของซอร์บิทอล และหมากฝรั่งที่ผสมน้ำตาล โดยยังทำให้บริเวณรอยผุของฟันกลับแข็งขึ้นอีกด้วย
ปัจจุบัน สมาคมทันตแพทย์ชั้นนำในยุโรปกว่า 10 ประเทศ อาทิ ฟินแลนด์ อังกฤษ และฝรั่ง-เศส ฯลฯ จึงให้การรับรองว่า “การเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของสารไซลิทอล* หลังอาหารมื้อหลัก และมื้อว่างครั้งละ 1-2 เม็ด โดยเคี้ยวนานอย่างน้อย 3 นาทีขึ้นไปเป็นประจำ สามารถช่วยลดการเกิดฟันผุได้”
*มีส่วนผสมของไซลิทอลไม่น้อยกว่า 50% ของปริมาณสารให้ความหวานทั้งหมดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์