โพลล์ศูนย์วิจัยกสิกรไทย : ผู้หญิงไทย & การออกกำลังกาย

มหกรรมกีฬาฟุตบอลยูโร 2004 จะเปิดศึกการแข่งขันในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ นับเป็นเกมกีฬายอดฮิตของประชาชนชาวไทยจำนวนมากที่จะเฝ้าติดตามชมการถ่ายสดการแข่งขันข้ามทวีปจากยุโรปไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ฟุตบอลนับเป็นกีฬาที่คนไทยทั้งชายและหญิงรู้จักคุ้นเคย โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นแฟนกีฬาฟุตบอลมักคอยติดตามความเคลื่อนไหวและเชียร์ทีมที่ตนชื่นชอบจากสื่อแขนงต่างๆอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ทีมฟุตบอลของประเทศแถบยุโรป อาทิ อังกฤษ เยอรมนี อิตาลี และสเปน เป็นต้น จัดเป็นทีมฟุตบอลที่สามารถครองใจแฟนบอลชาวไทยมากที่สุด เนื่องจากกีฬาฟุตบอลในยุโรปมีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ ทำให้มีชื่อเสียงแพร่หลาย จนได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างกว้างขวางทุกมุมโลก

การเกาะติดสถานการณ์การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติแต่ละครั้ง รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 ครั้งนี้ จึงน่าจะมีส่วนช่วยปลุกกระแสนิยมการเล่นกีฬาประเภทต่างๆ ในหมู่เยาวชนและประชาชนทั่วไปให้ตื่นตัวขึ้น นับเป็นการใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่า โดยทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงและจิตใจเบิกบานแล้ว ยังช่วยป้องกันการหมกมุ่นกับสารเสพย์ติดทั้งหลาย รวมทั้งลดการมั่วสุมตามสถานบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ ทำให้สังคมไทยมีคุณภาพดีขึ้นด้วย

ปัจจุบัน หญิงไทยยุคใหม่ให้ความสนใจในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เพียงแต่การเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์เท่านั้น แต่ยังหันมาออกกำลังกายและเล่นกีฬากันอย่างแพร่หลาย ดังจะเห็นได้จากสถานฟิตเนสที่ผุดขึ้นจำนวนมาก รวมทั้งสโมสรกีฬาหลากหลายประเภทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อสนองความต้องการของผู้ใช้บริการที่ขยายตัวรวดเร็ว ตลอดจนถึงการออกกำลังกายอย่างง่ายๆ โดยอาศัยสถานที่ตามสวนสาธารณะ เช่น วิ่งจ็อกกิ้ง เต้นแอโรบิก ขี่จักรยาน เป็นต้น ล้วนสะท้อนวิถีการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ของผู้หญิงที่ใส่ใจต่อสุขภาพพลานามัยมากขึ้น

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้สุ่มตัวอย่างสำรวจพฤติกรรมและสอบถามความคิดเห็นเชิงคุณภาพของผู้หญิงเกี่ยวกับการเล่นกีฬาและการออกกำลังกาย จำนวน 455 ราย ในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และส่วนภูมิภาค ระหว่างวันที่ 24-31 พฤษภาคม 2547 มีประเด็นที่น่าสนใจ สรุปได้ดังนี้

ประเด็นที่ 1 : สาวไทยชอบออกกำลังกายแบบไหน ?

ในจำนวนผู้หญิงไทยกลุ่มตัวอย่างที่สอบถามความคิดเห็น ปรากฏว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย และพยายามเล่นกีฬาตามถนัด โดยคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 84% ของผู้ตอบแบบสอบถามเป็นกลุ่มที่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย ทั้งนี้ การออกกำลังกายหรือกีฬาที่ผู้หญิงไทยนิยมเล่นกันมากที่สุด ได้แก่ จ๊อกกิ้ง คิดเป็นสัดส่วน 21.7% ของผู้หญิงที่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา เนื่องจากการวิ่งจ๊อกกิ้งจัดเป็นการออกกำลังกายพื้นฐานที่สามารถเล่นได้สะดวกทุกเวลาและแทบทุกสถานที่ โดยเฉพาะตามสวนสาธารณะทั่วไป

ขณะที่ การเต้นแอโรบิก ไล่จี้มาเป็นอันดับ 2 ได้รับคะแนนนิยม 20.6% เพราะเป็นการออกกำลังกายที่สะดวกพอๆกับการจ๊อกกิ้ง แต่มีรูปแบบของความบันเทิงผสมผสานไปด้วย ในอดีตมักนิยมเต้นกันเฉพาะในกลุ่มสตรีวัยรุ่นหรือสาวทันสมัยที่รักเสียงเพลง และชอบเต้นรำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อการเต้นแอโรบิกจัดเป็นการออกกำลังกายที่สนุกสนานและมีประโยชน์แก่สุขภาพเกือบทุกด้าน ทำให้หน่วยงานภาครัฐส่งเสริมให้มีการเต้นแอโรบิกในชุมชนต่างๆทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยมีพลานามัยแข็งแรง ดังนั้น การเต้นแอโรบิกจึงกลายเป็นการออกกำลังกายที่ถูกใจคนทุกวัยในขณะนี้

การออกกำลังกายของสาวไทยอันดับ 3 ได้แก่ ขี่จักรยาน มีสัดส่วน 16.3% ตามด้วยว่ายน้ำและแบดมินตัน อยู่ในอันดับ 4 และอันดับ 5 คิดเป็นสัดส่วน 14.8% และ 14.0% ตามลำดับ สำหรับกีฬาหรือการออกกำลังกายประเภทอื่นๆ ที่ผู้หญิงไทยสนใจและเล่นกันในอันดับรองๆ ลงไป ได้แก่ โบว์ลิ่ง เทนนิส ปิงปอง กอล์ฟ สคว็อช และโยคะ เป็นต้น

เป็นที่น่าสังเกตว่า ถึงแม้ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่มีภาระหน้าที่การงานรัดตัวมากขึ้นในยุคนี้ แต่กลุ่มผู้หญิงที่นิยมการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา พยายามจัดสรรเวลาในการเล่นกีฬาและออกกำลังกายเฉลี่ยประมาณ 1-3 ครั้ง/เดือน โดยผู้หญิงกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วน 36.2% ของสาวไทยที่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาทั้งหมด ขณะเดียวกันหญิงไทยประมาณ 29.7% เป็นกลุ่มที่เล่นกีฬาค่อนข้างบ่อย เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ส่วนผู้หญิงไทยอีกกลุ่มหนึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 19.9% แบ่งเวลาในการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สำหรับผู้หญิงที่จัดระเบียบวินัยในการออกกำลังกายอย่างเคร่งครัด โดยพยายามเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายทุกวันมีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของผู้หญิงที่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้หญิงไทยที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเลยมีสัดส่วนประมาณ 16% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าไม่มีเวลาว่าง และสถานที่ไม่อำนวย นอกจากนี้ สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งของบรรดาหญิงไทยที่ไม่นิยมเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย เนื่องมาจากอุปนิสัยส่วนตัวที่ไม่ชอบสันทนาการประเภทนี้

ประเด็นที่ 2 : ทำไมผู้หญิงไทยเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย ?

การสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงเหตุผลที่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ปรากฏว่า ผู้หญิงไทยกว่าครึ่งหนึ่งประมาณ 64% เห็นว่า จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง เนื่องจากโลกปัจจุบันก้าวสู่ยุควิทยาการสมัยใหม่ทุกแขนง รวมถึงด้านการแพทย์ ทำให้มีการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและดูแลสุขภาพกันอย่างจริงจัง โดยผ่านสื่อประเภทต่างๆมากมาย ทำให้ประชาชนทั่วไปตื่นตัวและรับรู้ถึงวิธีการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บเสียแต่เนิ่นๆ วิธีการหนึ่ง ก็คือ การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ จะเป็นหนทางให้ชีวิตยืนยาวปราศจากความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยหรือโรคประจำตัว

สำหรับเหตุผลอื่นๆ ของสาวไทยที่ชอบเล่นกีฬาและออกกำลังกายกัน ได้แก่ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ได้คะแนนนิยม 9.6% เพราะทำให้ได้พบปะเพื่อนฝูง มีโอกาสพูดคุยปรึกษาหารือถามไถ่ทุกข์สุขซึ่งกันและกัน ส่วนเหตุผลอันดับที่ 3 ของการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ได้แก่ ช่วยลดน้ำหนักตัว มีคะแนนตามหลังกระชั้นชิดคิดเป็นสัดส่วน 9.1% เนื่องจากการออกกำลังกายและการเล่นกีฬานับเป็นวิธีการที่สามารถควบคุมน้ำหนักตัวที่ถูกต้องวิธีหนึ่ง เพราะช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ทำให้ผู้หญิงไทยบางกลุ่มที่ห่วงใยสุขภาพหันมาใช้วิธีการดังกล่าวในการรักษาน้ำหนักตัว แทนที่จะอดอาหารหรือใช้ยาลดความอ้วน

ผู้หญิงไทยกลุ่มตัวอย่างยังมีความคิดเห็นอื่นๆที่เป็นแรงจูงใจให้ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ได้แก่ การสร้างความอบอุ่นในครอบครัว เพราะจะไปทำกิจกรรมพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว นอกจากนี้ การเล่นกีฬายังช่วยบำบัดอาการเครียดจากภาระหน้าที่การงานหรือการเรียน เนื่องจากร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของคนที่กำลังออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ขณะเดียวกันการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬายังส่งเสริมให้ผู้เล่นสามารถเข้าสังคมในยุคนี้อย่างมั่นใจอีกด้วย

ประเด็นที่ 3 : หญิงไทยสนใจฟุตบอลยูโร 2004 แค่ไหน ?

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 ที่เริ่มขึ้นในวันที่ 12 มิถุนายนนี้และจะเสร็จสิ้นการแข่งขันในราวต้นเดือนกรกฎาคม นับเป็นโอกาสของคนไทยที่ชื่นชอบเกมกีฬาฟุตบอลจะได้ชมการถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาครั้งนี้อย่างจุใจ จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างของผู้หญิงไทย ปรากฏผลว่ากลุ่มผู้หญิงไทยที่จัดเป็นแฟนพันธุ์แท้ของกีฬาฟุตบอล และพร้อมที่จะเฝ้าชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2004 ทุกนัด มีสัดส่วนเพียง 7.3% เนื่องจากคนกลุ่มนี้ต่างเป็นแฟนคลับของสโมสรฟุตบอลอยู่แล้ว ทำให้สาวกลุ่มนี้คุ้นเคยและชื่นชอบลีลาการเล่นของนักกีฬาฟุตบอลในยุโรป จึงสนุกสนานกับการลุ้นเกมบอลที่ตนเองเชียร์อยู่ อีกทั้งเห็นว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโรมิได้จัดขึ้นบ่อยครั้งนัก โดยจะหมุนเวียนมาให้ชมกันทุกๆ 4 ปี ดังนั้น ผู้หญิงไทยกลุ่มนี้จึงไม่ย่อท้อที่จะอดนอนและอยู่ดึก เพื่อติดตามชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลดังกล่าว

ขณะที่ผู้หญิงไทยอีกกลุ่มหนึ่ง คิดเป็นสัดส่วน 28.2% เป็นกลุ่มที่ไม่สนใจการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 เลย เนื่องจากหญิงไทยกลุ่มนี้มิได้นิยมชื่นชอบเกมกีฬาประเภทนี้อยู่แล้ว จึงไม่สนใจที่จะติดตามชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้

ส่วนกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงที่เหลือ คิดเป็นสัดส่วน 64.5% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด จะเลือกชมและเชียร์การแข่งขันเฉพาะบางคู่เท่านั้น โดยเฉพาะทีมที่ชื่นชอบและนัดที่ใกล้ๆกับรอบชิงชนะเลิศ เพราะไม่อยากอดนอนมากเกินไป เพียงเพื่อต้องการติดตามสถานการณ์การแข่งขันฟุตบอลยูโรให้ทันสมัย และสามารถพูดคุยกับบรรดาเพื่อนฝูงได้อย่างสนุกสนาน

ประเด็นที่ 4 : รายการกีฬา 5 อันดับแรกที่สาวไทยชื่นชอบ

จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงไทยเกี่ยวกับรายการกีฬาที่สนใจติดตามชมมากที่สุด ปรากฏผลว่า ฟุตบอลครองแชมป์กีฬาที่ผู้หญิงไทยนิยมชมสูงสุด ได้รับคะแนนนิยม 25% สาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากตัวนักฟุตบอลดาวเด่นของแต่ละทีมที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูงและมีลีลาการเล่นที่น่าประทับใจ ช่วยเติมสีสันให้กับเกมกีฬาฟุตบอลอย่างมาก ทำให้ผู้หญิงไทยจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะวัยไม่เกิน 40 ปี สนใจติดตามชมทั้งเกมการแข่งขันและตัวผู้เล่นพร้อมๆ กัน

สำหรับกีฬาประเภทอื่นๆ ที่หญิงไทยนิยมติดตามชมในอันดับรองลงไป ได้แก่ เทนนิส ตามติดมาเป็นอันดับ 2 ได้รับคะแนนนิยม 20.1% ยิมนาสติก และ วอลเลย์บอล อยู่ในอันดับ 3 และ 4 ได้คะแนนใกล้เคียงกันมาก 14.7% และ 14.3% ตามลำดับ ส่วนอันดับที่ 5 ได้แก่ บาสเกตบอล ได้รับคะแนน 9.8% ส่วนกีฬาอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายความสนใจและผู้หญิงไทยบางกลุ่มติดตามชมเช่นกัน อาทิ แบดมินตัน ว่ายน้ำ กอล์ฟ สนุกเกอร์ อเมริกันฟุตบอล สเก็ตน้ำแข็ง เป็นต้น

ประเด็นสุดท้าย : งานอดิเรกยอดฮิต 5 อันดับแรกของหญิงไทย

การดำเนินชีวิตของสตรีไทยยุคนี้ต้องเหน็ดเหนื่อยมากขึ้น เพราะรับผิดชอบเรื่องต่างๆไม่แพ้ผู้ชายไทยเท่าใดนัก แต่ถึงกระนั้น ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ยังคงแสวงหาโลกส่วนตัว เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในยามว่าง จากการจัดอันดับกิจกรรมยามว่างของผู้หญิง ปรากฏว่า การออกกำลังกายและการเล่นกีฬา เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ผู้หญิงไทยเลือกทำยามว่างเป็นอันดับที่ 4 มีคะแนน 14.9% ส่วนอันดับที่ 1 คือ การดูภาพยนตร์ (25%) รองลงมา ได้แก่ การฟังเพลง (23.7%) การอ่านหนังสือ (20.6%) และอันดับ 5 ได้แก่ การทำอาหารและทำขนม คะแนน 7.5%

ส่วนกิจกรรมประเภทอื่นๆ ที่ผู้หญิงไทยนิยมทำในเวลาว่าง อาทิ ปลูกต้นไม้ ตกแต่งและจัดบ้าน นอนหลับพักผ่อน เป็นต้น ประเด็นที่น่าสังเกต ก็คือ ปัจจุบันผู้หญิงไทยแทบมิได้สนใจทำกิจกรรมเกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อยเท่าใดนัก โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับคะแนนเพียงร้อยละ 0.4% รั้งท้ายสุดในกลุ่มกิจกรรมยามว่างของผู้หญิงไทยยุคใหม่

วิถีทางในการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ทำให้ผู้หญิงไทยมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งกิจการงานนอกบ้านและภารกิจต่างๆภายในบ้าน อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงทั้งหลายควรแบ่งสรรเวลาเพื่อสร้างความสมดุลในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจียดเวลาเพื่อเล่นกีฬาและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและให้เหมาะสมกับวัย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพพลานามัยให้แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ช่วยผ่อนคลายความเคร่งเครียด ทำให้จิตใจเบิกบานและอารมณ์แจ่มใส พร้อมที่จะแบกรับภาระความรับผิดชอบในชีวิตครอบครัวและหน้าที่การงานในวันถัดไป