รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2547

ประเด็นตลาดวันนี้

ดัชนีตลาดหุ้น SET ในวันพุธที่ 23 มิ.ย. ปิดตลาดลดลงไปจากเมื่อวันก่อน 2.12 จุด หรือ ร้อยละ 0.34 ไปปิดที่ระดับ 627.24 โดยได้รับปัจจัยลบจากแรงขายทำกำไรในหุ้นทีพีไอ โพลีน

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเงินเยน และเงินบาทในวันนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 108.63 เยน/ดอลลาร์ฯ และ ที่ 40.96 บาท/ดอลลาร์ฯ และอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.214 ยูโร/ดอลลาร์ฯ

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดทรงตัวในวันนี้ โดยลดลงไปเล็กน้อยที่ 0.71 จุด หรือ ร้อยละ 0.01 มาอยู่ที่ระดับ 11,580.56 จุด จากการปรับลงของหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ในขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ชะลอการซื้อขายก่อนการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ

– ตลาดหุ้นDow Jones ในอังคารที่ผ่านมา ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 23.6 จุดจากวันก่อน หรือร้อยละ 0.23 โดยปิดที่ 10,395.07 จุด ลดลง เนื่องจากได้แรงซื้อเข้ามาในกลุ่มของหุ้นเทคโนโลยี และ เซมิคอนดัคเตอร์จากความคาดการณ์เกี่ยวกับอุปสงค์ของสินค้าดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นในจีน

– เมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า ความพยายามของรัฐบาลจีนที่จะชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเห็นผล จากการที่ตัวเลขทางการผลิตและอุตสาหกรรมในเดือน พ.ค.ได้เริ่มชะลอตัว และการเติบโตของสินเชื่อธนาคารก็ได้ปรับลดลงเช่นกัน โดยคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงเกือบ 2 % ในปีนี้

– ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกพันธบัตรออมทรัพย์จำนวน 7 หมื่นล้านบาท อายุ 7 ปี และ 10 ปี ขายให้กับประชาชนทั่วไปในช่วงเดือน ส.ค. หรือ ก.ย. นี้ ตามแผนชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยพันธบัตรนี้จะไม่มีการค้ำประกัน เพราะเชื่อว่าจะสามารถขายได้หมดในล็อตเดียว ส่วนอัตราผลตอบแทนจะอ้างอิงตามราคาตลาดในขณะนั้น บวกภาระภาษีอีก 0.5%

– ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยว่า ทางธนาคารฯจะทบทวนประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยอาจลดลงกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 6.8-7.8% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงมั่นใจว่าจีดีพีตลอดทั้งปีน่าจะมากกว่า 6%

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงจากเมื่อวันก่อน 2.12 จุด หรือร้อยละ 0.34 โดยปิดที่ระดับ 627.24 จุด โดยดัชนีปิดลบจากแรงเทขายทำกำไรในหุ้นทีพีไอ โพลีน อย่างหนาแน่นในวันนี้ หลังจากราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นมากในวันก่อน ปริมาณการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาในตลาด ประกอบกับนักลงทุนส่วนมากยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดทรงตัวในวันนี้ โดยลดลงไปเพียง 0.71 จุด หรือร้อยละ 0.01 สู่ระดับ 10,580.56 จุด ทั้งนี้จากการที่ราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ปรับลดลง การซื้อขายส่วนใหญ่เป็นการเก็งกำไรระยะสั้น ส่วนนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ได้ชะลอการซื้อขายในช่วงนี้เพื่อรอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการส่งมอบอำนาจอธิปไตยคืนแก่อิรักซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห็หน้า

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันจันทร์ที่ผ่านมา 23.6 จุด หรือร้อยละ 0.23 ปิดที่ระดับ 10,395.07 จุด จากการที่มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มของหุ้นเทคโนโลยี การเผยผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป และกลุ่มพาล์มวัน อิงค์ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่มาช่วยหนุนตลาด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯในปลายเดือนนี้ และการส่งมอบอำนาจคืนให้แก่อิรัก ซึ่งคาดว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น อันจะส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น และราคาหุ้นปรับตัวลดลง

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ในอังคารที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.77 จุด หรือร้อยละ 1 โดยปิดที่ระดับ 1,994.15 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกมาจากการปรับขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เช่น อินเทล เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ของชิพคอมพิวเตอร์ และมือถือในจีน ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายของเซมิคอนดักเตอร์ทั่วเอเซีย

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆ โดยเงินบาทยังคงอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้แรงกดดันมาจากการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งอาจลดลงไป จากการที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้น

Yen/USD
เงินเยนอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ โดยได้อ่อนลงไปอยู่ที่ระดับ 108.79 เยน/ดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้า ก่อนจะแข็งค่าขึ้นมา ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นในข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สดใสของญี่ปุ่น โดยเชื่อว่าข้อมูลภาคบริการของญี่ปุ่นที่จะรายงานออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ และข้อมูลการสำรวจบรรยากาศทางธุรกิจ หรือทังกันที่จะเปิดเผยในสัปดาห็หน้าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ญี่ปุ่น

USD/Euro
เงินยูโรกลับแข็งค่าขึ้นมาหลังจากได้ร่วงลงไปอยู่ที่ 1.2094 ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐฯ จากการเปิดเผยข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากสถาบัน ZEW ในเยอรมันนีซึ่งต่ำกว่าความคาดหมาย ถึงแม้ว่าดัชนีดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ในเดือน มิ.ย. สู่ 47.4 จาก 46.4 ในเดือน พ.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 48 อย่างไรก็ตาม การที่ไม่มีปัจจัยใหม่ๆมาหนุนเงินดอลลาร์ในช่วงนี้ ประกอบกับนักลงทุนได้ปรับการคาดการณ์เกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯไว้แล้ว ทำให้เงินยูโรไม่ได้อ่อนค่าลงไปมากนัก

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond 1 Year / Thai Gov. Bond 5 Years / Thai Gov. Bond 10 Years / Thailand Bond Value (MB)
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 30,762.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนถึง 123.67% อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางปรับขึ้นไปตั้งแต่ 1 ถึง 4 bps. ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวปรับขึ้นตั้งแต่ 1 ถึง 2 bps.

Us Treasury Bond 10 Years
ราคาของ US Treasuries ในวันนี้ปรับตัวลดลง เนื่องมาจากการที่นักลงทุนได้ปรับการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯไว้ล่วงหน้า การที่ยังไม่มีการเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจใหม่ๆในช่วงนี้ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบางและ ราคาเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ