เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าผันผวนอยู่ในช่วง 1.20-1.22 ดอลลาร์/ยูโร ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดเงิน ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่มีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ อีก 0.25% เป็น 1.25% นับเป็นการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบ 4 ปี นอกจากนี้ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการที่สหรัฐฯมอบอำนาจการปกครองให้แก่รัฐบาลเฉพาะกาลของอิรักก่อนกำหนด 2 วัน มีส่วนให้นักค้าเงินและนักลงทุนปรับปริมาณการถือครองเงินดอลลาร์ ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น ได้รับแรงสนับสนุนจากรายงานรายไตรมาสของธนาคารกลางญี่ปุ่นเกี่ยวกับการสำรวจสภาพการดำเนินธุรกิจของนักธุรกิจญี่ปุ่นช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
สำหรับเงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ มีค่าต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ เมื่อผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษได้แถลงต่อรัฐสภาว่าอังกฤษคงไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวจนเกินไป ด้านราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ สามารถยืนหยัดเหนือระดับ 400 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ ก็โน้มต่ำลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายเอากำไร
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่ามั่นคงในช่วงต้นสัปดาห์ เป็นผลจากรายงานตัวเลขยอดขายบ้านเดือนพฤษภาคมอยู่ในระดับสูง 6.8 ล้านหน่วย เทียบกับเดือนก่อนมีจำนวน 6.63 ล้านหน่วย ประกอบกับดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคเดือนพฤษภาคมเพิ่ม 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้เซียนเศรษฐกิจลังเลว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เข้มแข็งอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น เพื่อป้องกันอันตรายจากเงินเฟ้อรุนแรง การคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีปริมาณความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ขยายตัวทันทีในช่วงแรกของสัปดาห์
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯเริ่มขึ้นในวันที่ 29-30 มิถุนายน ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติให้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.25% เป็นอัตรา 1.25% ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักค้าเงินส่วนใหญ่ ส่งผลให้มีการเทขายเงินดอลลาร์เพื่อเอากำไร ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนแรงลง เมื่อเทียบกับเงินยูโร อีกทั้งแบงก์ชาติสหรัฐฯยังแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะใช้นโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับเงินเฟ้อ ช่วยลดความกังวลที่ว่าสหรัฐฯอาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นอีก
ในช่วงปลายสัปดาห์ เงินดอลลาร์มีค่ากระเตื้องขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะตลาดเงินหันไปสนใจเกี่ยวกับรายงานดัชนีภาวะอุตสาหกรรมการผลิตเดือนมิถุนายน และค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นของเดือนพฤษภาคม โน้มน้าวให้มีแรงซื้อเงินดอลลาร์กลับมาใหม่
เงินเยน มีค่าอ่อนตัวลงเป็นลำดับ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ค่อยน่าพอใจนัก อาทิ ยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคมลดลง 2.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% จากเดือนก่อนหน้า ทำให้นักค้าเงินเกรงว่ารายงานภาวะธุรกิจของธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงอึมครึม
แต่อย่างไรก็ตาม เงินเยนมีค่าขยับขึ้นเล็กน้อย เพราะรายงานรายไตรมาสของธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่เรียกว่า Tankan ระบุว่าการสำรวจการดำเนินงานของภาคธุรกิจญี่ปุ่นไตรมาสที่ 2 น่าพอใจ ดัชนีอยู่ในระดับ 22 ซึ่งนับเป็นตัวเลขสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2534 และเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก 2547 อยู่ที่ระดับ 12
เงินปอนด์อังกฤษ มีค่าร่วงลงต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ เป็นเพราะถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ นาย Mervyn King ที่มีต่อรัฐสภาว่าอังกฤษจะไม่เพิ่มอัตราดอกเบี้ยรุนแรงเหมือนประเทศอื่นๆ อีกทั้งการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์และตัวเลขภาคอุตสาหกรรมเริ่มชะลอลง ชี้ว่าการที่อังกฤษเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะๆ รวม 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว น่าจะเริ่มลงผลบรรเทาความร้อนแรงของภาคเศรษฐกิจลง ดังนั้น ทางการจึงไม่ต้องการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วอีก เพราะอาจกลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ เริ่มต้นสัปดาห์ยังคงสามารถยืนอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 402 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้สำเร็จ หลังจากที่พุ่งผ่านแนวต้านดังกล่าวเป็นครั้งแรกในวันที่ 24 มิถุนายน ปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ ได้แก่ ปริมาณความต้องการถือทองคำไว้เป็นหลักทรัพย์ปลอดภัย ก่อนที่สหรัฐฯจะถ่ายโอนอำนาจในอิรักคืนให้แก่รัฐบาลชั่วคราว ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 30 มิถุนายน โดยนักลงทุนกลัวว่าอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในช่วงวันสำคัญดังกล่าว แต่เมื่อสหรัฐฯสร้างความประหลาดใจให้แก่ชาวโลก ด้วยการมอบคืนอำนาจก่อนกำหนดเวลา 2 วัน โดยปราศจากเหตุการณ์วิกฤต ทำให้มีการเทขายทองคำเพื่อเอากำไรในเวลาต่อมา ประกอบกับสหรัฐฯปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนหันไปถือเงินดอลลาร์แทนทองคำ กดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงอยู่ที่ราคาเฉลี่ยราว 394 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงท้ายสัปดาห์
อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2547 เทียบกับวันที่ 2 กรกฎาคม 2547 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.2187 ดอลลาร์/ยูโร (1.2166 ดอลลาร์/ยูโร) 107.95 เยน (108.34 เยน) และ 1.8298 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.8193 ดอลลาร์/ปอนด์)
ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2547 เท่ากับ 402.25 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 394.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2547