นายศรัณย์ เชี่ยวสมุทร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บีพีบี ไทยยิบซั่ม เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บีพีบี ไทยยิบซั่ม ได้ทำตลาดผลิตภัณฑ์ฝ้าเพดานด้วยกัน 4 ประเภท ได้แก่ แผ่นฝ้าเพดานยิปโทน ซีโรเท็ค ยิปเร็ค และคาโซปราโน โดย 3 ประเภทแรกมุ่งเจาะตลาดระดับกลางถึงบน ส่วนคาโซปราโนเจาะตลาดระดับกลางถึงล่าง ซึ่งบริษัทฯ มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตลาดระดับบนที่ได้รับการตอบรับอย่างดีมาโดยตลอด และมองว่าตลาดแผ่นฝ้าเพดานยิปซัมระดับกลางและล่างยังไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจน ในขณะที่ความต้องการของตลาดยังมีอยู่มาก บริษัทจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับตลาดนี้ให้มีความหลากหลาย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะวางตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งระบบแผ่นฝ้าเพดานและผนังภายในยิปซัมสำหรับตลาดกลุ่มนี้อีกอย่างต่อเนื่อง
“สำหรับแผ่นฝ้าเพดานคาโซปราโนที่บริษัทฯ วางจำหน่ายในตลาดอยู่ในขณะนี้เป็นประเภทพิมพ์ลายทั้งหมด บริษัทฯ จึงได้พัฒนาและออกแบบ “คาโซรอค” ขึ้น ซึ่งเป็นแผ่นฝ้าเพดานทาสีสำเร็จชนิดไม่มีลวดลายเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น และตอบสนองความต้องการงานตกแต่งภายในที่สวยงาม และสะอาดตา โดยมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่โครงการบ้านพักที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง ตลาดผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง (SME) ที่ต้องการงานตกแต่งสำนักงานที่รวดเร็วเพื่อให้สามารถเริ่มธุรกิจได้ทันที รวมถึงตลาดบ้านที่ผู้อยู่อาศัยต้องการตกแต่ง ซ่อมแซมหรือปรับปรุงใหม่”
แผ่นฝ้าเพดานคาโซปราโนรุ่น“คาโซรอค” ของ บีพีบี ไทยยิบซั่ม ใช้กับระบบแผ่นฝ้าเพดานที-บาร์ มีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันเสียงรบกวน ไม่ติดไฟและทนไฟได้ถึง 30 นาที มีคาสัมประสิทธิ์การนำความร้อนต่ำจึงให้ความรู้สึกเย็นสบายเมื่ออยู่อาศัย และเนื่องจากเป็นแผ่นฝ้าเพดานทาสีสำเร็จ จึงช่วยประหยัดเวลาในการทำงานเพราะสามารถติดตั้งได้ทันที นอกจากนี้สีที่ใช้ยังมีคุณสมบัติพิเศษสามารถเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าได้ ป้องกันเชื้อรา และทนทานต่อรังสี UV ทำให้สีผิวหน้าคงทน ไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง
บีพีบี ไทยยิบซั่ม หรือไทยผลิตภัณฑ์ยิปซั่ม เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทบีพีบี จากสหราชอาณาจักร เป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่องานฝ้าเพดานและผนังยิปซัมครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2511 และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระบบยิปซัมของไทย ทั้งนี้กลุ่มบริษัทบีพีมีฐานการผลิตในกว่า 90 ประเทศรวมทั้งในประเทศไทยและเครือข่ายจัดจำหน่ายในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก