ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้
ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม ปรับตัวลดลงไป 5.10 จุด หรือร้อยละ 0.77 ไปปิดที่ระดับ 661.49 จุด โดยนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอฟังผลการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย และการประชุมโอเปกในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ประกอบกับมีแรงขายเข้ามาจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ
– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงเล็กน้อยในวันนี้ ไปอยู่ที่ระดับ 12,191.01 จุด ลดลงไป 11.25 จุด หรือร้อยละ 0.09 ปริมาณการซื้อขายเบาบางที่สุดในรอบปี โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูตัวเลขผลประกอบการของบริษัทในตลาดสหรัฐฯ และในตลาดฮ่องกง ประกอบกับรอฟังการประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในจีนที่จะประกาศวันศุกร์นี้
– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยปิดที่ 11,582.28 จุด เพิ่มขึ้น 158.75 จุด หรือร้อยละ 1.39 หลังจากผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง
– ตลาดหุ้น Dow Jones วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวันก่อนที่ระดับ 10,213.22 จุด โดยเพิ่มขึ้น 41.66 จุด หรือร้อยละ 0.41 หลังจากการเผยผลกำไรของบริษัทจีอี ได้ทำให้นักลงทุนลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส2/2547
– เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงอ่อนค่าลงไปอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 107.74เยน/ดอลลาร์ฯ , 40.68 บาท/ดอลล่าร์ฯ และ อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนครึ่งเมื่อเทียบกับยูโรที่1.2422ดอลลาร์ฯ/ยูโร ตามลำดับ
ภาวะตลาดหุ้น
Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ระดับ 661.49 จุด ลดลงไป5.1จุด หรือร้อยละ 0.77 ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ได้ชะลอการลงทุนเพื่อรอฟังผลการกำหนดนโบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย และการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน(โอเปก) ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ประกอบกับได้มีแรงขายออกมาซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ จากความกังวลเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก
Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยปิดที่ระดับ 11,582.28 จุด เพิ่มขึ้นไป 158.75 จุด หรือร้อยละ 1.39 หลังจากการประกาศผลวุฒิสมาชิกญี่ปุ่นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยถึงแม้ว่าพรรครัฐบาลได้คะแนนเสียงต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ก็ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ขั้นต่ำ และผลการเลือกตั้งไม่มีแนวโน้มจะกระทบนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐ ทำให้นักลงทุนได้คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง
Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงเล็กน้อยในวันนี้ โดยลดลงไป 11.25 จุด หรือร้อยละ 0.09 ไปปิดที่ 12,191.01 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่สุดในรอบปีที่ 8.4 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขาย เพื่อรอดูตัวเลขผลประกอบการไตรมาส2/2547 ของบริษัทในตลาดสหรัฐฯ และในฮ่องกง และตัวเลขเศรษฐกิจในจีน เข่น อัตราเงินเฟ้อที่จะมีการประกาศในวันศุกร์นี้
US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม ปิดตลาดเพิ่มจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวันก่อน โดยเพิ่มขึ้น 41.66 จุด หรือร้อยละ 0.41 ไปปิดที่ระดับ 10,213.22 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยผลกำไรของบริษัทเจเนอรัล อิเล็กทริค (จีอี) และการออกมาแสดงความเห็นในเชิงบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯของผู้บริหารบริษัท ได้ช่วยลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการชะลอตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/2547
US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกันในวันนี้ โดยปิดที่ระดับ 1,946.33จุด เพิ่มขึ้น 11.01 จุด หรือร้อยละ 0.57 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงบวกจากการประกาศผลกำไรของบริษัท จีอี ที่ได้ช่วยหนุนราคาหุ้นบริษัทอื่นๆ ให้ปรับสูงขึ้นตาม เช่น บริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยี และ 3M Co. เป็นต้น
สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงแข็งค่าขึ้นไปในวันนี้ เช่นเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ ที่แข็งค่าขึ้นไปตามค่าเงินเยน หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลญี่ปุ่นโดยรวมยังคงได้รับเสียงข้างมากในสภาสูง อย่างไรก็ตาม การยืนยันของทางการเกี่ยวกับการระบาดของโรคไข้หวัดนกครั้งใหม่ที่ได้พบการติดเชื้อในไก่มากขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่มากดดันค่าเงินบาทในขณะนี้
Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินเยน โดยเงินเยนได้แข็งค่าขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในสองสัปดาห์ในวันนี้ที่ 107.56 เยน/ดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ค่าเงินได้รับแรงหนุนจากผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกที่ผ่านมาซึ่งพรรครัฐบาลได้ 49 ที่นั่ง แม้ว่าจะต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 51 ที่นั่ง แต่ก็ยังคงสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ต่ำสุดที่ 44 ที่นั่ง และ เมื่อรวมคะแนนเสียงพรรคร่วมรัฐบาลโดยรวมแล้ว ฝ่ายรัฐบาลยังคงได้เสียงข้างมาก และจะไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนครึ่งเมื่อเทียบกับเงินยูโรในวันนี้ โดยได้อ่อนค่าลงไปถึง 1.2422 ดอลลาร์ฯ/ยูโร โดยค่าเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงกดดันหลายประการ ได้แก่ การยืนยันถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯอย่างค่อยเป็นค่อยไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัวเลขการจ้างงานเดือนมิ.ย.ที่อ่อนแอ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส2/2547ที่มีแนวโน้มลดลง และราคาน้ำมันที่เริ่มปรับขึ้นอีกครั้ง เป็นต้น
สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้
Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 7,233.67 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 24.55 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพันธบัตรอายุ 3 เดือน ได้ปรับขึ้นไปถึง 8 bps. ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับตัวอยู่ในช่วงตั้งแต่ –1ถึง2 bps.
Us Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นไปในวันศุกร์ที่ผ่านมา การซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาจากการที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆมากระตุ้นการซื้อขายในตลาด โดยที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจไปที่การประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือน มิ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นที่ต่ำกว่าความคาดหมาย ทำให้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะถูกปรับขึ้นไปมาก ประกอบกับนักลงทุนจะรอดูตัวเลขดัชนี PPI, CPI และ Import Price Index ที่จะมีการประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ