รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันอังคารที่ 13 กรกฎาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.51 จุด หรือร้อยละ 0.23 ไปปิดที่ระดับ 663 จุด โดยนักลงทุนได้กลับเข้ามาสะสมหุ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มของหุ้นขนาดใหญ่ จากความมั่นใจว่าตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน ไปอยู่ที่ระดับ 12,078.33 จุด ลดลงไป 112.68 จุด หรือร้อยละ 0.92 โดยได้แรงกดดันจากการปรับลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังการลดอันดับความน่าลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยบริษัทเมอร์ริล ลินซ์

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกันในวันนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 11,608.62 จุด เพิ่มขึ้น 26.34 จุด หรือร้อยละ 0.23 จากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น ได้ทำให้ราคาหุ้นบลูชิพ และหุ้นที่พึ่งพาธุรกิจในประเทศหลายตัวได้ปรับเพิ่มขึ้น

– ตลาดหุ้น Dow Jones วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยอยู่ระดับ 10,238.22 จุด โดยเพิ่มขึ้น 25 จุด หรือร้อยละ 0.24 หลังจากราคาน้ำมันที่ปรับลงอีกครั้งได้ช่วยลดความวิตกกังวลของนักลงทุนในเรื่องผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้แข็งขึ้นมื่อเทียบกับค่าเงินส่วนใหญ่ในวันนี้หลังจากมีแรงซื้อเข้ามาเพื่อเก็งกำไร โดยอยู่ที่ระดับ 108.44เยน/ดอลลาร์ฯ , 40.73 บาท/ดอลล่าร์ฯ และที่1.237ดอลลาร์ฯ/ยูโร ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1.51 จุด หรือร้อยละ 0.23 ไปปิดที่ 663 จุด ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ได้กลับเข้ามาสะสมหุ้นอีกครั้ง จากการคาดว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับการปรับขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศหลายๆตลาดในวันนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนการซื้อขาย อย่างไรก็ตามตลาดก็ยังคงได้แรงกดดันจากความกังวลในเรื่องไข้หวัดนก และ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศทำให้การลงทุนไม่เพิ่มขึ้นมากนัก

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกันในวันนี้ โดยปิดที่ระดับ 11,608.62 จุด เพิ่มขึ้นไป 26.34 จุด หรือร้อยละ 0.23 จากการที่นักลงทุนได้หันกลับให้ความสนใจในเรื่องเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มฟื้นตัวหลังการประกาศผลการเลือกตั้งวุฒิสภาเมื่อสุดสัปดาห์ ทั้งนี้ทำให้นักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นบลูชิพ และหุ้นที่พึ่งพาธุรกิจในประเทศมากขึ้น โดยพิจารณาจากแนวโน้มผลประกอบการธุรกิจที่แข็งแกร่ง และราคาของหุ้นที่ยังอยู่ในระดับไม่สูงมาก อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ปรับขึ้นไปมากนัก จากการที่มีแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเนื่องจากนักลงทุนมีความไม่มั่นใจในผลประกอบการของหุ้นกลุ่มดังกล่าวในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงเป็นวันที่สอง โดยลดลงไป 112.68 จุด หรือร้อยละ 0.92 ไปปิดที่ระดับ 12,078.33 จุด จากการปรับลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากข่าวการลดอันดับความน่าลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก จาก เพิ่มการลงทุน เป็นลดการลงทุน โดยบริษัทเมอร์ริล ลินซ์

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สอง โดยเพิ่มขึ้น 25 จุด หรือร้อยละ 0.24 ไปปิดที่ระดับ 10,238.22 จุด ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากการปรับลงของราคาน้ำมันอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนได้คลายความกังวลในเรื่องของต้นทันพลังงานที่สูงขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หลังจากการประกาศลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นในกลุ่มนี้ทั่วโลก และบริษัทอินเทล โดยบริษัทเมอร์ริล ลินซ์

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ลดลงในวันนี้ ไปปิดที่ระดับ 1,936.92 จุด ลดลง 9.41 หรือร้อยละ 0.48 หลังการปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และบริษัท อินเทล โดยเมอร์ริล ลินซ์ ประกอบกับนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงการณ์ของนายอลัน กรีนสแปน ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 20-21 ก.ค.นี้

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปในวันนี้ โดยเป็นการอ่อนค่าลงไปเช่นเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคอื่นๆ ที่ได้รับแรงกดดันจากการอ่อนลงของค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ หลังจากมีแรงซื้อคืนดอลลาร์ฯเข้ามา นอกจากนั้นการที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาในตลาดทำให้นักลงทุนจะรอฟังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯหลายตัวในสัปดาห์นี้

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯกลับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนในวันนี้ หลังจากเงินเยนได้แข็งค่าขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในสองสัปดาห์เมื่อวันก่อนที่ 107.56 เยน/ดอลลาร์ฯ ทั้งนี้นักลงทุนได้เริ่มกลับเข้ามาซื้อคืนดอลลาร์ฯเพื่อทำกำไรอีกครั้ง ก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆในสหรัฐฯ และการเปิดเผยผลกำไรบริษัทจดทะเบียน โดยในสัปดาห์นี้มีข้อมูลเศรษฐกิจประจำเดือนมิ.ย.ที่จะประกาศออกมา ได้แก่ ยอดขาดดุลการค้าสหรัฐฯ,ยอดค้าปลีก,ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต และผู้บริโภคเดือน มิ.ย.เป็นต้น

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรเช่นเดียวกัน หลังจากที่ได้อ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนครึ่งถึง 1.2422 ดอลลาร์ฯ/ยูโรในวันก่อน จากการกลับเข้าซื้อเก็งกำไรของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินดอลลาร์ฯจะไม่สามารถแข็งขึ้นได้มากนักเนื่องจากยังคงมีปัจจัยที่กดดันเงินดอลลาร์ฯอยู่หลายประการ เช่นแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอย่างค่อยเป็นค่อยไปและตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 17,444.64 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 141 อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 1 ปีได้ปรับขึ้นไปถึง 6 bps. ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆตั้งแต่ 0-2 bps.

Us Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯยังคงปรับสูงขึ้นในวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะประกาศในสัปดาห์นี้จะบ่งบอกถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้นักลงทุนคาดว่ายอดค้าปลีกเดือน มิ.ย.น่าจะปรับลดลงจากในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา