ไทย-เกาหลีเหนือ: สัมพันธ์เงียบ…การค้างอกงาม

สถานการณ์ความตึงเครียดในเรื่องของความปลอดภัยจากขีปนาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลแก่นานาประเทศมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาณาเขตติดต่อหรือใกล้เคียงกับเกาหลีเหนือ เช่น เกาหลีใต้ จีน รัสเซีย และญี่ปุ่น รวมถึงสหรัฐอเมริกา นำไปสู่ความพยายามในการเจรจาเพื่อยุติการทดลองสร้างอาวุธที่มีขีดทำลายล้างสูงหลายครั้งหลายหน และล่าสุด การประชุม 6 ฝ่ายของผู้แทนจากประเทศดังกล่าวเป็นครั้งที่ 3 ณ กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 23-26 มิถุนายน 2547 แม้ว่ายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆที่เป็นรูปธรรมได้ แต่ที่ประชุมมีมติที่จะจัดการประชุมครั้งต่อไปในช่วงปลายปีนี้

ท่าทีที่ผ่อนปรนลงของเกาหลีเหนือในการยอมเข้าร่วมประชุมครั้งประวัติศาสตร์ ต่อเนื่องด้วยการเข้าร่วมประชุมในระดับภูมิภาค ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน ณ กรุงจากาตาร์ และการเข้าพบหารือกับผู้แทนรัฐบาลไทย เพื่อเจรจาเรื่องการชำระหนี้ค่าข้าว เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่น่าติดตามอย่างยิ่งว่า บทบาทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเกาหลีเหนือครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเกาหลีเหนือและโอกาสของในการขยายการค้าและการลงทุนของประเทศไทยในรูปแบบใด

ไทย: คู่ค้าสำคัญของเกาหลีเหนือ

ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเกาหลีเหนืออาจจะมิใช่ตลาดส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย แต่การที่รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ผ่อนคลายความเข้มงวดในการควบคุมกลไกตลาด น่าจะดึงดูดความสนใจของผู้ส่งออกไทยได้ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสของการขยายฐานการส่งออกสินค้าด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทย

แนวโน้มทางการค้าระหว่างประเทศไทยกับเกาหลีเหนือขยายตัวตามลำดับ โดยในเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2547 การค้ารวมระหว่างประเทศไทยกับเกาหลีเหนือมีมูลค่า 126 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 0.17 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดของประเทศไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.91 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2547 ประเทศไทยส่งออกไปเกาหลีเหนือเป็นมูลค่า 91.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้าจากเกาหลีเหนือมูลค่า 34.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประเทศไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้าเกาหลีเหนือ 56.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสินค้าหลักที่ประเทศไทยส่งออกไปเกาหลีเหนือ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องคอมพิวเตอร์ ข้าว ด้ายและเส้นใย ขณะเดียวกันประเทศไทยนำเข้าสินค้าน้ำมันสำเร็จรูป หลอดภาพโทรทัศน์ เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์กระดาษ จากเกาหลีเหนือ

เกาหลีเหนือนับเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 41 และเป็นแหล่งนำเข้าลำดับที่ 61 ของประเทศไทย ในทางกลับกันประเทศไทยมีฐานะเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ 5 ลำดับแรกของเกาหลีเหนือ ร่วมกับจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ซึ่งพบว่ามีเพียงสหภาพยุโรปและประเทศไทยเท่านั้นที่เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญที่ไม่ได้มีพรมแดนหรืออาณาเขตติดกับเกาหลีเหนือ โดยสินค้าไทยที่เป็นที่ต้องการในตลาดเกาหลีเหนือ ได้แก่ ข้าว น้ำตาลทราย อาหารทะเล น้ำมันเชื้อเพลิง เสื้อผ้าสำเร็จรูป และเครื่องจักรกลต่างๆ ทั้งนี้คาดว่า นโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา จะมีส่วนผลักดันให้เกิดการขยายตัวทางการค้าระหว่างประเทศไทยกับเกาหลีเหนือมากยิ่งขึ้น

พลิกปูมการปฏิรูปเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ

หลังจากยึดนโยบายเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเอง (self-reliance) ด้วยการบริหารประเทศแบบเบ็ดเสร็จมาตั้งแต่ปี 2488 ในเดือนกรกฎาคม 2545 รัฐบาลคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือได้ประกาศปรับนโยบายเศรษฐกิจให้ยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยการปล่อยให้อัตราค่าจ้างแรงงานเคลื่อนไหวตามกลไกตลาดและระดับราคาสินค้าขยับขึ้นใกล้เคียงกับราคาตลาด เพื่อเป็นการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้นกว่าที่เคยและสามารถแสวงหากำไรได้ เช่นเดียวกับค่าจ้างแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้นตามทักษะและผลงาน ขณะเดียวกันทางการเกาหลีเหนือสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินและสินแร่ อุตสาหกรรมพลังงาน ธุรกิจการเกษตร และเทคโนโลยีการสื่อสาร ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีเหนือยังคงสงวนสิทธิ์ในการควบคุมดูแลสวัสดิการด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล และการทหาร

นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคม 2545 รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ประกาศให้เงินยูโรเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศที่ใช้ในการค้าขายระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ โดยความพยายามปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจดังกล่าว ก่อให้เกิดการฟื้นตัวของกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น และเป็นสัญญาณที่ดีของการริเริ่มแยกอำนาจทางการเมืองออกจากระบบเศรษฐกิจ อันเป็นการปูพื้นฐานไปสู่การปฏิรูประบบเศรษฐกิจขั้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม การลงทุนจากต่างประเทศซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ระบบเศรษฐกิจเกาหลีเหนือขยายตัวมากขึ้น ยังคงมีไม่มากเท่าใด เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงรอคอยการออกกฎระเบียบด้านการลงทุนที่ชัดเจนเหมาะสม อุปสรรคเรื่องการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า เส้นทางการคมนาคมขนส่งที่ยังไม่สามารถอำนวยความสะดวกเท่าที่ควร ตลอดจนการขาดข้อมูลทางสถิติเพื่อแสดงภาวะเงินเฟ้อที่แท้จริงอันเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนอาหารเรื้อรังที่ไม่สมดุลกับความต้องการบริโภคของประชากร ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ชะลอการลงทุนจากต่างชาติด้วยเช่นกัน

ไทย: เหลียวดูคู่แข่ง…เพื่อแสวงโอกาสการลงทุน

หลังจากที่ระบบเศรษฐกิจเกาหลีเหนือได้เริ่มปรับเปลี่ยนเข้าสู่กลไกตลาดมากขึ้น แต่แนวโน้มของความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศยังคงกระจุกตัวอยู่ในวงแคบๆกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งมีลักษณะความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจในมิติที่แตกต่างกัน ดังนี้

– เกาหลีเหนือ-จีน

ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับจีน เป็นไปในลักษณะมิตรภาพทางการเมืองระหว่างกัน ซึ่งนำไปสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด โดยจีนเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือด้านน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะและอาหารจำพวกธัญพืชในกรณีที่เกาหลีเหนือเกิดการขาดแคลนหรือเมื่อเกาหลีเหนือถูกนานาประเทศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ในทางกลับกันเกาหลีเหนือได้เปิดตลาดให้กับสินค้าจากเมืองจีน ส่งผลให้สินค้าจีนจำนวนมากเข้ามาครองตลาดเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเมืองจีน เช่น เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องซักผ้า เครื่องโกนหนวด และนาฬิกาข้อมือ จัดเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับชาวเกาหลีเหนือที่ค่อนข้างจะมีฐานะ รวมถึงเสื้อผ้าที่ผลิตจากเมืองจีนซึ่งมีราคาไม่แพงมากนักก็เป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นกลางเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ จีนยังได้เข้าไปริเริ่มการลงทุนในด้านโทรคมนาคมในเกาหลีเหนืออีกด้วย

– เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้

ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างเกาหลี ทั้งสองได้พัฒนาก้าวหน้าเป็นลำดับ ขณะนี้ทั้งสองประเทศมีโครงการร่วมกันที่จะสร้างนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ Gaeseong ของเกาหลีเหนือ บริเวณแนวชายแดนของทั้งสองประเทศในกลางปีนี้ และภายในสิ้นปี 2547 บริษัทนำร่องประมาณ 10 บริษัทจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปดำเนินธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว ทั้งนี้คาดว่านิคมอุตสาหกรรมทั้งโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2553 ใช้งบประมาณกว่า 4,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสามารถรองรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้กว่า 1,600 ราย โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการผลักดันให้การค้าเป็นประตูสู่สันติภาพของทั้งสองประเทศ ด้วยการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ โครงการนี้ได้รับการตอบรับจากนักธุรกิจเกาหลีใต้จำนวนหนึ่งด้วยเหตุผลที่ว่า เกาหลีเหนือมีแรงงานคุณภาพที่มีอัตราค่าจ้างแรงงานต่ำ ที่ดินราคาถูก และสิ่งสำคัญคือ มีเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรมร่วมกัน ทำให้ผู้ประกอบการชาวเกาหลีใต้คาดว่าจะช่วยลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจไปได้ในระดับหนึ่ง ตลอดจนสามารถสร้างเกาหลีเหนือเป็นฐานการผลิตสินค้าต้นทุนต่ำให้สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนในตลาดโลกได้

– เกาหลีเหนือ-ญี่ปุ่น

ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและญี่ปุ่นมีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองสู่ความสัมพันธ์แบบปกติภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้านี้ ปัจจุบัน ญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือมีมูลค่าการค้ารวมเฉลี่ย 67 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี โดยมีสินค้าหลัก คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเสื้อผ้า ญี่ปุ่นส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเสื้อผ้าไปยังเมือง Wonson Hungnam และ Chong-gin ในเกาหลีเหนือ แล้วนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ประกอบสำเร็จแล้วกับผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากเกาหลีเหนือมาวางจำหน่ายตามห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น

สำหรับประเทศไทย โอกาสของการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับเกาหลีเหนือยังคงต้องให้น้ำหนักไปที่การเป็นประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคจากภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งเป็นที่ต้องการมากในตลาดเกาหลีเหนือและเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ทั้งยังเป็นการเติมเต็มช่องว่างทางการค้าที่แตกต่างไปจากจุดมุ่งหมายของจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น สำหรับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพด้านการลงทุนในระยะยาว ได้แก่ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ พลังงาน การสื่อสารและโทรคมนาคม ตลอดจนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเกาหลีเหนือหันมาส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสเข้าไปลงทุนได้มากขึ้น นับเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองและนักลงทุนชาวไทยล้วนมีศักยภาพเพียงพอที่จะสอดแทรกเข้าไปดำเนินธุรกิจดังกล่าวในเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ การลงทุนในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความเสี่ยงไม่สูงนักสำหรับการลงทุนของไทยในเกาหลีเหนือซึ่งเป็นตลาดที่เพิ่งเริ่มปรับตัวสู่ระบบกลไกตลาด แต่ขณะเดียวกันสถานการณ์เปราะบางทางการเมืองระหว่างเกาหลีเหนือกับนานาประเทศเป็นข้อพึงระวังที่นักลงทุนไทยไม่ควรมองข้ามเช่นกัน