โทรศัพท์เคลื่อนที่ : ประโยชน์และโทษ…ที่ไม่ควรมองข้าม

ในปัจจุบันนี้ปริมาณการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว ซึ่ง ปริมาณผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกมีมากกว่า 1 พันล้านราย ในประเทศไทยเองอัตราการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้เพิ่มสูงขึ้นโดยมีผู้ใช้บริการในปีนี้อยู่ประมาณ 23.9 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้บริการในปีที่ผ่านมาประมาณ 18.5 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณเกือบ 30% ในขณะนี้พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีของโทรศัพท์เคลื่อนที่ ดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากจากที่ในอดีตจะใช้แค่การติดต่อพูดคุยกันเท่านั้น

แต่ปัจจุบันนี้ได้พัฒนาไปถึงขั้นต่อเชื่อมเข้าคอมพิวเตอร์ ใช้เป็นกล้องถ่ายรูปได้ ส่งอีเมล์ถึงกันได้และยังสามารถติดตามราคาซื้อขายหุ้นได้ทันสถานการณ์ และอีกไม่นานผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถใช้สั่งจ่ายเงิน หรือ โอนเงิน ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น นอกจากโทรศัพท์เคลื่อนที่จะให้คุณประโยชน์เอนกอนันต์ดังกล่าวแล้ว การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ควรที่จะต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ ภัยที่เกิดจากความประมาทของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับขี่ยานพาหนะจนทำให้เกิดอุบัติเหตุต่างๆ เป็นต้น

ภัยจากโทรศัพท์เคลื่อนที่: ต้องไม่ประมาทเรื่องความปลอดภัย

การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับขี่ยานพาหนะ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เนื่องจากผู้ขับขี่จะขาดสมาธิในการขับ นอกจากนี้ผู้ขับขี่ที่ใช้แฮนด์ฟรีก็ยังทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ในหลายๆประเทศรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการทำการวิจัยถึงผลกระทบจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับขี่ยานพาหนะ ดังจะเห็นได้จากผลสำรวจต่างๆที่ได้จัดทำขึ้น เช่น ผลการสำรวจที่ได้จัดทำขึ้นในประเทศอังกฤษเมื่อปี 2545 โดย Direct Line Motor Insurance พบว่า โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุในการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะที่ขับเคลื่อนยานพาหนะนั้นสูงถึงร้อยละ 30 เช่น การขับรถฝ่าไฟแดง ขับรถฝ่าสัญญาณป้าย หรือ อุบัติเหตุเล็กน้อยที่จะนำไปสู่อุบัติเหตุที่รุนแรง และใช้เวลาในการตัดสินใจนาน

สำหรับที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นก็ได้ทำการสำรวจที่ทำขึ้นในปี 2546 อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นใน 7 รัฐ พบว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยสาเหตุเกิดจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะที่ขับขี่ยานพาหนะรวมอยู่ด้วย จากตารางจะพบว่ามีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะที่ขับขี่ยานพาหนะเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งก็นับว่าเป็นการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งมนุษย์สามารถป้องกันได้ถ้าไม่ประมาท

ตารางเปรียบเทียบการเกิดอุบัติเหตุเนื่องมาจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ในปี 2546

รัฐ จำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จำนวนอุบัตติเหตุที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์เคลี่อนที่ในที่ขับขี่ยานพาหนะ
แคริฟอร์เนีย 491,083 611
ฟรอลิด้า 102,293 140
มิชิแกน 579,774 822
มินิโซต้า 94,969 223
โอกาโฮมา 77,148 134
เพนซิลวาเนีย 147,253 139
เทนเนสสี 30,994 48

ที่มา: NCSL, 2546 www.ncsl.org/programs/rsnr/cellphoneupdate1203.htm

นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจจากทาง Harvard Center for Risk Analysis พบว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถยนต์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงร้อยละ 6 ของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในประเทศสหรัฐอเมริกา คนเสียชีวิตประมาณ 2,600 ราย และบาดเจ็บประมาณ 330,000 ราย โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถยนต์นั้นมีประมาณ 13 โอกาสใน 1ล้านที่จะเกิดขึ้น ขณะที่โอกาสที่ผู้ขับขี่รายอื่นและผู้ข้ามถนนจะเกิดอุบัติเหตุจากผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถยนต์นั้นประมาณ 4 โอกาสใน 1ล้านที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ถึงการสูญเสียทางสังคมที่เกิดขึ้นคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หลังจากมีการห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถยนต์นั้น ผลของการสูญเสียทางสังคมลดลงอยู่ที่ประมาณ 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จะเห็นได้ว่าในต่างประเทศนั้นได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความประมาทจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับขี่ยานพาหณะ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีความเห็นว่าทางภาครัฐ และประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ควรหันมาให้ความสำคัญกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อร่างกายและทรัพย์สิน ซึ่งแนวทางที่แต่ละฝ่ายควรดำเนินการมีดังนี้

บทบาทภาครัฐ

ทางภาครัฐควรมีการจัดทำการสำรวจและทำสถิติเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่มาจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้เพื่อนำผลมาใช้ในการกำหนดกฎเกณฑ์และกฎหมายบังคับใช้ต่อไป นอกจากนี้รัฐบาลควรหันมาคุมเข้มกับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะที่ขับเคลื่อนยานพาหนะ เพราะการพูดคุยระหว่างการขับรถนั้นทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเส้นทางด่วนควรจะมีการรณรงค์ห้ามใช้กันอย่างจริงจัง

ในหลายๆประเทศได้ใช้มาตรการเข้มงวด โดยการห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะที่ขับเคลื่อนยานพาหนะ โดยบางประเทศมีการกำหนดโทษปรับที่ค่อนข้างสูง เช่น ที่ประเทศอังกฤษ อัตราโทษการปรับอยู่ที่ 30 ปอนด์ ประมาณ 2,100 บาทหรือสูงถึง 1,000 ปอนด์ ประมาณ 70,000 บาท ถ้าต้องขึ้นศาล และประมาณ 2,500 ปอนด์ หรือ 175,000 บาท สำหรับผู้ที่ขับขี่รถโดยสารประจำทางหรือรถทัวร์ และรถบริการส่งของ นอกจากนี้รัฐบาลอาจจะเพิ่มโทษขึ้นเป็น 60 ปอนด์ หรือประมาณ 4,200 บาท ประเทศแคนนาดา ในรัฐนิวฟาวด์แลนด์ Newfoundland มีการปรับเป็นเงินประมาณ 180 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,200บาท ที่ประเทศไอร์แลนด์อัตราค่าปรับอยู่ที่ประมาณ 380 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 15,200บาท

บทบาทของผู้บริโภค

ประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ควรให้ความร่วมมือหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับขี่ยานพาหนะ เพราะการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับขี่ยานพาหนะจะทำให้ผู้ขับขี่นั้นขาดสมาธิ ขาดการตัดสินใจ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดอุบัติแก่ผู้ขับและผู้อื่นได้ อย่างไรก็ตามถ้าผู้ขับขี่มีความจำเป็นที่ต้องใช้โทรศัพท์ก็ควรหันมาใช้แฮนด์ฟรีแทน

โทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นมีประโยชน์และกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานอย่างหลากหลาย เนื่องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการพัฒนาให้เป็นไปมากกว่าการเป็นเพียงแค่โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อถึงกันเท่านั้น หากทว่าผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดดูข้อมูลการซื้อขายหุ้น ส่งข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าไปยังบริษัทผ่านทางอีเมล์ ซึ่งทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกลุ่มนี้ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มการแข่งขันทางธุรกิจ และกลุ่มวัยรุ่นที่นอกจากจะใช้โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารแล้วยังมีการใช้งานเพื่อเพิ่มความบันเทิงด้วย เช่น การถ่ายรูป การส่งเล่นเกม เป็นต้น อย่างไรก็ตามการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นมีข้อที่ควรระวังเช่นกัน จากการที่หลายประเทศได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความประมาทที่เกิดจากโทรศัพท์เคลื่อนที่

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีความเห็นว่าทุกฝ่ายในประเทศไทยควรหันมาให้ความสำคัญกับความประมาทที่เกิดขึ้นจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น ภาครัฐควรให้ความสำคัญในด้านกฎหมายเพื่อให้ผู้ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับขี่ยานพาหนะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และสำหรับประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นควรระมัดระวังในการใช้งาน เช่น ไม่ควรใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับขี่ยานพาหนะ หรือหันมาใช้แฮนด์ฟรีเมื่อมีความจำเป็นที่ต้องใช้โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสาร เป็นต้น