ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้
ตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม ปิดตลาดลดลงไปอีก 7.96 จุด หรือร้อยละ 1.29 ไปอยู่ที่ 610.94 จุด โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันทั้งในและนอกประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ การที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ต่างปรับตัวลงในวันนี้ ทำให้มีแรงขายออกมาอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ
– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยลดลงไป 13.24 จุด หรือร้อยละ 0.11 ไปปิดที่ระดับ 12,478.68 จุด โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทำให้ไม่ได้ปรับลดลงอย่างมาก
– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์ โดยลดลงไป 88.32 จุด หรือร้อยละ 0.8 ไปปิดที่ระดับ 10,972.57 จุด จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลถึงผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และได้ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มส่งออก และเทคโนโลยีปรับลดลง
– ตลาดหุ้น Dow Jones วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม ปิดตลาดลดลงไปมากเป็นอันดับสองของปีนี้ โดยลดลงถึง 163.48 จุด หรือร้อยละ 1.61 ไปอยู่ที่ระดับ 9,963.03 จุด โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.ย. ที่ตลาด NYMEX ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นประวัตืการณ์ที่ 44.5 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการผลิตน้ำมันของบริษัทยูคอสในรัสเซีย
– เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน โดยอยู่ที่ระดับ 111.6 เยน/ดอลลาร์ฯ ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.206 ดอลลาร์ฯ/ยูโร แต่อ่อนลงไปเมื่อเทียบกับเงินบาทที่ 41.42 บาท/ดอลลาร์ฯ
ภาวะตลาดหุ้น
Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ปิดตลาดลดลงไปอีกที่ 7.96 จุด หรือร้อยละ 1.29 ไปอยู่ที่ 610.94 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 8 สัปดาห์ จากความวิตกกังวลของนักลงทุนในเรื่องของราคาน้ำมันทั้งในและนอกประเทศที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับการที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลดลงได้ทำให้มีแรงขายออกในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนั้นนักลงทุนยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า โดยหุ้นที่ปรับตัวลงไปอย่างมากในวันนี้ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสาร และพลังงาน
Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์ โดยปิดที่ระดับ 11,972.57 จุด ลดลงไป 88.32 จุด หรือร้อยละ 0.8 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ และได้ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญ อันจะส่งผลในแง่ลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในที่สุด โดยราคาหุ้นส่วนใหญ่ที่ลดลงไปในวันนี้ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มส่งออกรถยนต์ และ กลุ่มเทคโนโลยี
Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือนเมื่อวานนี้ โดยลดลงไป 13.24 จุด หรือร้อยละ 0.11 ไปปิดที่ระดับ 12,478.68 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ตามการคาดการณ์ถึงผลประกอบการที่จะเพิ่มขึ้น
US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม ปิดตลาดลดลงไปมากที่สุดเป็นอันดับสองของปีนี้ โดยลดลงไปมากถึง 163.48 หรือ ร้อยละ 1.61 ลงไปปิดที่ระดับต่ำกว่า 10,000 จุด ที่ 9,963.03 จุด จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.ย.ที่ตลาด NYMEX ซึ่งได้เพิ่มขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 44.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนจะปิดตลาดลดลงไปปิดที่ 44.41 ดอลลาร์/บาร์เรล อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันในตลาดโลก หลังจากที่รัฐบาลรัสเซียได้สั่งห้ามบริษัทยูคอสไม่ให้เข้าใช้บัญชีธนาคาร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการส่งออกน้ำมันของบริษัท นอกจากนั้นราคาหุ้นวอลมาร์ท และ คาเตอร์พิลลาร์ อิงค์ที่ลดลงไปก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดในวันนี้
US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ได้ปรับตัวลดลงไปเช่นเดียวกัน โดยได้ปิดตลาดที่ระดับ 1,821.63 จุด ลดลง 33.436 จุด หรือ ร้อยละ 1.8 โดยได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้น
สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้กลับแข็งค่าขึ้นในวันนี้ หลังจากได้อ่อนค่าลงมาอยู่ใกล้กับระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ที่ 41.5 บาท/ดอลลาร์ฯเมื่อวานนี้ ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ได้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือน พ.ค. ซึ่งการที่ดัชนีการจ้างงานของสถาบันจัดการอุปทาน (ISM)ได้ลดลงไปอย่างมากในวันก่อน ได้ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าตัวเลขที่จะประกาศในวันนี้จะเพิ่มขึ้นตามที่คาดไว้ในตอนแรก และได้กดดันค่าเงินดอลลาร์ฯลงไป
Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน โดยเงินเยนได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้ขึ้นไปถึง 44.5 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งต้องพึ่งพิงการนำเข้าน้ำมันจำนวนมาก นอกจากนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่ได้ชะลอที่จะซื้อขายก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค. ในวันนี้
USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยตลาดไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการที่ธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมที่ร้อยละ 2 ตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ นักลงทุนส่วนใหญ่ได้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกร้อยละ 0.25 ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ส่วนตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ค.ที่จะประกาศในวันนี้จะมีผลในการพิจารณาถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน ก.ย.
สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้
Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 8,550.6 ล้านบาท เพิ่มจากวันก่อนร้อยละ 6.89 มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มพันธบัตรรัฐบาลถึงร้อยละ49 ตามมาด้วยตั๋วเงินคลัง โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น และ ระยะกลาง ได้ปรับตัวตั้งแต่ -0.5 ถึง -2 bps. ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวเพิ่มจากวันก่อนเพียงเล็กน้อย
US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯในวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เข้าซื้อพันธบัตร เนื่องจากเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนั้นการเปิดเผยยอดขายที่อ่อนแอของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่หลายราย เช่น วอลมาร์ท ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังคงไม่ฟื้นจากภาวะชะลอตัว
