ลลิลฯ ผู้นำบ้านระดับกลาง ยังคงเติบโตได้อย่างเเข็งเเกร่งโดยมียอดขาย 681.2 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 46% และกำไรสุทธิ 175.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63% เมื่อ

วันที่ 11 สิงหาคม 2547 – นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหารบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า เนื่องจากสภาวะแวดล้อมเรื่องราคาน้ำมันและภาวะดอกเบี้ย ตลอดจนภาวะการเงินของสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดภาวะตึงตัวขึ้น มีผลให้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปีนี้จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพอีกปีหนึ่ง หลังจากที่รัฐบาลไม่ต่ออายุการลดภาษีธุรกิจเฉพาะเเละค่าโอนซึ่งทำให้ผู้ซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจในการซื้อในช่วงไตรมาสเเรก เเละผลกระทบจากองค์ประกอบที่กล่าวมาข้างต้นเเล้ว อย่างไรก็ตาม บรรยากาศของการหาซื้อบ้านของผู้ต้องการที่อยู่อาศัยก็ได้ฟื้นดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 เเละได้รับการตอบรับการซื้อค่อนข้างดีกว่าไตรมาสเเรกในปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้จัดสรรที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ ราคา และคุณภาพโครงการตรงตามความต้องการของลูกค้า

สำหรับในปีนี้บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ก็ยังเดินหน้าธุรกิจได้เป็นอย่างดีเเละได้ประกอบกิจกรรมสำเร็จตามที่ได้ตั้งไว้ โดยการเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการมูลค่ารวม 5.7 พันล้านบาทในไตรมาสเเรกเเละต้นไตรมาสที่สาม ตามแผนงานที่บริษัทวางไว้ตั้งแต่ต้นปี ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. โครงการบ้านบุรีรมย์ รังสิต-คลองสี่ มูลค่า 800 ล้านบาท เปิดแล้วในไตรมาส 1
2. โครงการบ้านบุรีรมย์ รามอินทรา-ซาฟารีเวิลด์ มูลค่า 1,700 ล้านบาท เปิดแล้วในไตรมาส 1
3. โครงการบ้านลลิล อิน เดอะ พาร์ค ศรีนครินทร์ – เทพารักษ์ มูลค่า 1,100 ล้านบาท เปิดแล้วในไตรมาส 3
4. โครงการบ้านลลิล อิน เดอะ พาร์ค พระราม 2-เอกชัย มูลค่า 900 ล้านบาท เปิดแล้วในไตรมาส 3
5. โครงการบ้านลลิล อิน เดอะ พาร์ค รัตนาธิเบศร์-วงแหวน มูลค่า 1,200 ล้านบาท เปิดแล้วในไตรมาส 3

โดยสิ้นปีที่เเล้วมีโครงการ 14 โครงการใน 4 พื้นที่ เมื่อรวมกับ 5 โครงการใหม่ในปีนี้จะทำให้บริษัทฯมีโครงการทั้งสิ้นอยู่ 19 โครงการครอบคลุมถึง 5 พื้นที่ในกรุงเทพเเละปริมณฑล เเละกล่าวเพิ่มเติมว่าการเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการนั้นได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีไม่แพ้โครงการเดิมที่มีอยู่อีกด้วย โดยปัจจุบันยังได้รับการตอบรับจากผู้ต้องการบ้านอย่างเเท้จริงอย่างดีด้วยราคาที่สมเหตุสมผลในทำเลที่ดีด้วยเช่นกัน