คาเธ่ย์ แปซิฟิค โชว์ผลกำไรครึ่งปีแรกรับ 1,700 ล้านเหรียญฮ่องกง พร้อมซื้อเครื่องบินเพิ่มรองรับการขยายตัวทั้งผู้โดยสารและคาร์โก้

สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค รายงานสรุปผลประกอบการครึ่งปีแรกประจำปี 2547 มีผลกำไรสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 1,771 ล้านเหรียญฮ่องกง ถือเป็นจำนวนที่ตรงข้ามอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับภาวะขาดทุนในครึ่งปีแรกของปี 2546 ที่ขาดทุน 1,241 ล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของโรคซาร์ส นอกจากนี้ คาเธ่ย์ แปซิฟิค ยังประกาศแผนการซื้อและเช่าเครื่องบินเพิ่มอีกรวม 8 ลำเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดการบินที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

คาเธ่ย์ แปซิฟิค แถลงผลประกอบการสำหรับช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรกของปีนี้ คาเธ่ย์ แปซิฟิค มีรายได้รวมทั้งสิ้น 18,185 ล้านเหรียญฮ่องกง เพิ่มจาก 12,275 ล้านเหรียญฮ่องกง ในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีผู้โดยสารรวม 6.4 ล้านคน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.3 จากปีที่แล้ว) ราคาขายตั๋วเครื่องบินโดยสารต่อหน่วย (Yield) เพิ่มขึ้นจาก 42.8 เซนต์ฮ่องกง เป็น 45.7 เซนต์ฮ่องกง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการเดินทางทั้งเพื่อธุรกิจและเพื่อท่องเที่ยว และยังสืบเนื่องมาจากการที่ค่าเงินเพิ่มขึ้นจากการอ่อนตวของดอลล่าร์สหรัฐ

ในส่วนของคาร์โก้ มียอดการขนส่งรวมทั้งสิ้น 469,909 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.8 เนื่องมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจส่งออกสินค้าในเขตตอนใต้ของประเทศจีน และจำนวนการขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามเส้นทางหลักไปยัง ยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา โดยมีราคาขายต่อหน่วยของคาร์โก้อยู่ที่ 1.72 เหรียญฮ่องกง

ทั้งนี้ แม้ว่าสายการบินจะมีรายได้ที่สูงขึ้น แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ในระยะเวลานี้ โดยราคาเฉลี่ยก่อนการทำข้อตกลงซื้อขายน้ำมันล่วงหน้ามีอัตราสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 16.9 และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนี้ มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 21.8 ของต้นทุนปฏิบัติงานของสายการบินในช่วงระยะเวลาดังกล่าว

การขยายฝูงบินของคาเธ่ย์ แปซิฟิค ในครั้งนี้ นับเป็นการเพิ่มจำนวนเครื่องบินอย่างรวดเร็วที่สุด ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การบิน และตอกย้ำให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงความเป็นผู้นำด้านการให้บริการทางการบินที่ครบถ้วนและสมบูรณ์แบบ