รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้น 9.38 จุด หรือร้อยละ 1.58 ไปปิดที่ 617.07 จุด โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกหลายประการ ได้แก่ ความชัดเจนในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง และ การที่ แสตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของไทย

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยได้ลดลงไปเล็กน้อยที่ 8.64 จุดหรือร้อยละ 0.07 ไปปิดที่ระดับ 12,784.3 จุด โดยมีแรงขายทำกำไรมากขึ้นหลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวขึ้นเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์เกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันที่ลดลง ได้ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มของหุ้นอสังหาริมทรัพย์ และ หุ้นคาเธย์ แปซิฟิก

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน โดยลดลงไป 0.69 จุด หรือร้อยละ 0.01 ไปปิดที่ระดับ 11,129.33 จุด จากการที่นักลงทุนบางกลุ่มได้ขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไรหลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แรงบวกจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง และ การประกาศตัวเลขการเกินดุลการค้าที่สูงเกินความคาดหมายยังคงหนุนไม่ให้ตลาดปรับลงไปมากนัก

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันพุธที่ 25 สิงหาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นไป 83.11 จุด หรือร้อยละ 0.82 ไปปิดที่ 10,181.74 จุด โดยได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง โดยราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ต.ค. ที่ตลาด NYMEX ได้ปิดตลาดต่ำกว่า 44 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ,เงินบาท และ เงินยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 110.11 เยน/ดอลลาร์ฯ , 41.66 บาท/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2071 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเป็นวันที่สี่ โดยเพิ่มขึ้นไป 9.38 จุด หรือร้อยละ 1.58 ไปอยู่ที่ระดับ 617.07 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่สุดในรอบ 1 เดือน ตลาดได้รับปัจจัยบวกหลายประการ ได้แก่ ความชัดเจนในเรื่องของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย ,การคัดเลือกคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม ,ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และ การที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของไทยจาก BBB เป็น BBB+ โดยหุ้นกลุ่มที่มีแรงซื้อเข้ามามาก ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสาร, ธนาคาร, ไฟแนนซ์ และ หุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัท

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน โดยลดลงไปเพียง 0.69 จุด หรือร้อยละ 0.01 ไปอยู่ที่ระดับ 10,129.33 โดยนักลงทุนบางกลุ่มได้ขายหุ้นเพื่อทำกำไรจากการที่ตลาดได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ปรับลดลงไปมากนัก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง และ การประกาศตัวเลขดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค. ที่สูงกว่าความคาดหมาย ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงเช่นเดียวกัน โดยได้ลดลงไป 8.64 จุด หรือร้อยละ 0.07 ไปปิดที่ระดับ 12,784.3 จุดในวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนเพื่อทำกำไรหลังจากตลาดได้ปรับตัวขึ้นเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากการคาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจฮ่องกง นอกจากนั้นราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงยังได้ส่งผลให้หุ้นคาเธย์ แปซิฟิก ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันนี้

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธที่ 25 สิงหาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากวันก่อน โดยได้เพิ่มขึ้นไป 83.11 จุด หรือ ร้อยละ 0.82 ไปปิดที่ 10,181.74 จุด โดยตลาดได้รับแรงบวกจากการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ต.ค.ที่ตลาด NYMEX ได้ลดลงไปปิดที่ต่ำกว่า 44 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล นอกจากนั้นราคาหุ้นโบอิ้ง โค ที่เพิ่มขึ้นจากข่าวการซื้อเครื่องบินเพิ่มของบริษัท สิงคโปร์ แอร์ไลน์ ได้เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดขึ้นในวันนี้

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปิดที่ 1,860.72 จุด เพิ่มขึ้น 23.83 จุด หรือ ร้อยละ 1.3 โดยตลาดได้รับแรงบวกจากการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกเช่นเดียวกัน

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงไปถึงระดับต่ำสุดในรอบปีที่ 41.76 บาท/ดอลลาร์ฯในวันนี้ ถึงแม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย R/P ไปร้อยละ 0.25 เมื่อวานนี้ก็ตาม อย่างไรก็ตาม เงินบาทได้กลับแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ได้ประกาศเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของไทย

Yen/USD
เงินเยนได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าของวันนี้ โดยได้รับแรงบวกจากการประกาศยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นที่สูงเกินความคาดหมายในเดือน ก.ค. ซึ่งได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 44.2 เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.ปีก่อน อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์ฯได้รับแรงหนุนในเวลาต่อมาจากแรงซื้อในกลุ่มของผู้นำเข้าญี่ปุ่น นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 และ การแถลงสุนทรพจน์ของนาย อลัน กรีนสแปนในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะช่วยบอกถึงแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์ฯในอนาคต

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.2044 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ทั้งนี้เงินยูโรได้รับแรงกดดันจากการที่คาดว่าดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมันที่จะประกาศในวันนี้ จะลดลงจาก 95.6 ในเดือน ก.ค.มาอยู่ที่ 95.1 ในเดือน ส.ค. นอกจากนั้น การคาดการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯหลายคนในสัปดาห์นี้ ได้เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์ฯให้แข็งค่าขึ้น

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 14,066.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนร้อยละ 47 โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลดลงตั้งแต่ -1 ถึง -4 bp. โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 9 ปี ลดลงไปมากที่สุดถึง –4 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯในวันพุธที่ 25 สิงหาคมปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปจากวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ในเดือน ก.ค.ที่ลดลงไปร้อยละ 6.4 ถึงแม้ว่าตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ก.ค.จะเพิ่มขึ้นไปร้อยละ 1.7 แต่หากไม่นับรวมยอดสั่งซื้อเครื่องบินแล้วพบว่า ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ซึ่งทำให้นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจเกี่ยวกับการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ