Oracle ทำเก๋จัดแถลงข่าวสัญจร

การเปิดตัวหรือการจัดแถลงข่าวประจำปีของแต่ละองค์กรในตอนนี้ มักสร้างความตื่นใจแก่เหล่าสื่อมวลชนมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าเปิดห้องจัดโต๊ะพูดจากันตามธรรมเนียม มีการจัดทริปสัญจรเชิญนักข่าวไปยังสถานที่ต่างๆ สร้างเสียงตอบรับจากนักข่าวเข้าร่วมมากกว่าปกติ

การพานักข่าวไปถึงเมืองลาวในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่ต้องลงทุนมากกว่าการเปิดแถลงข่าวทั่วไป จุดเด่นก็คือการสร้างภาพลักษณ์ผ่านการประชาสัมพันธ์ทางตรงไปยังนักข่าวเอง สร้างความใกล้ชิดระหว่างแหล่งข่าวกับผู้บริหารที่ขนกันไปถึง 5 คน นำทีมคณะเดินทางโดย ณัฐศักดิ์ โรจนพิเชษฐ กรรมการผู้จัดการของออราเคิล คอร์ปอเรชั่น รวมไปถึงความสัมพันธ์ทางอ้อมระหว่างนักข่าวกันเองและพีอาร์เอเยนซี่ อย่าง “124” แม้ว่าจะเป็นแบบอ้อมๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวเพื่อผลหลายต่อ

“Oracle Unseen Esarn” ก็ตั้งชื่อเก๋ไก๋ จุดหมายก็คือเวียงเจ้าบุญอุ้ม ที่กลายสภาพมาเป็น “จำปาสักพาเลส” โรงแรมหรูและเป็นตึกที่สูงที่สุดในแขวงจำปาสัก เมืองปากเซ ที่ที่เคยได้รับรองคณะรัฐมนตรีคราที่สัญจรมายังเมืองนี้ โรงแรมเกือบจะกลายเป็นวังของเจ้าคนสุดท้ายของลาว ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เจ้าบุญอุ้มหนีไปฝรั่งเศสก่อนที่วังแห่งนี้จะสร้างเสร็จ และทิ้งร้างไว้จนรัฐบาลลาวให้สัมปทานคนไทยเพื่อทำเป็นโรงแรม

เราออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงมาถึงสถานีรถไฟอุบลราชธานีในตอนเช้า เข้าโรงแรมในตัวเมืองอุบลฯ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและทานอาหารเช้า ก่อนออกเดินหน้าแถลงข่าวที่หอบข้อมูลไปเป็นกะตั้ก ในเวลาอันจำกัด…

ไปๆ มาๆ เราต้องรีบออกจากโรงแรม เพราะยังมีโปรแกรม (เที่ยว) มีอีกมาก

เราเข้าลาวผ่านด่านช่องเม็กโดยข้ามสะพานลาว-ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ สู่เมืองปากเซ เมืองท่าที่มีชื่อเสียงของแขวงจำปาสัก เราออกจากจำปาสักไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อีกไกลพวกสมควร ลงแพขนานยนต์ข้ามแม่น้ำ เพื่อที่จะไปพบกับปราสาทหินวัดพู ที่ตั้งอยู่เชิงเขา

วัดพู ศาสนสถานโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกแห่งที่สองของลาวเมื่อปี 2545 ด้วยความเก่าแก่ที่มีมาก่อนปราสาทหินนครวัด สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในชุมชนเมืองเก่าของจาม เพราะที่นั่นได้พบเห็นร่องรอยวัฒนธรรมของพวกจามที่รับมาจากอินเดีย เมื่อราวศตวรรษที่ 4 และที่ 5 แห่งคริสต์ศักราช สมัยอาณาจักรจามปา (ภาคกลางสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) ขยายอำนาจไปทางทิศตะวันตกถึงบริเวณวัดพูจำปาสัก, ล่องแม่น้ำโขง, แม่น้ำมูล ก่อนที่อาณาจักรเจนละของขอมเรืองอำนาจ

วัฒนธรรมของลาว เป็นวัฒนธรรมที่เกิดจากแม่น้ำสายหลักเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพ อาหารการกิน รวมไปถึงสินค้าส่งออกสำคัญในตอนนี้อันได้แก่ไฟฟ้า ล้วนเกิดมาจากแม่น้ำทั้งสิ้น ซึ่งต่างจากไทยโดยสิ้นเชิงในสมัยที่สังคมเราเริ่มซับซ้อน จนไม่รู้แล้วว่าสมญา “เวนิสแห่งตะวันออก” นั้นมีที่มาจากแหล่งใด

แม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำสายที่ยาวเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ไหลจากที่ราบสูงทิเบตในประเทศจีนผ่านประเทศพม่า ลาว กัมพูชา ไปลงทะเลในประเทศเวียดนาม ถ้าหากไม่นับบริเวณปากแม่น้ำ ช่วงกว้างที่สุดของแม่น้ำโขงนั้น ความกว้างจากฝั่งตะวันตกไปฝั่งตะวันออก เป็นระยะทางถึง 14 กิโลเมตร ในช่วงดังกล่าว สายน้ำโขงไหลผ่านเกาะแก่งจำนวนมาก แตกตัวแยกออกเป็นสายใหญ่น้อย และไหลมาบรรจบกันอีกครั้งเมื่อผ่านเกาะแก่งทั้งหลายไปแล้ว

บริเวณที่เป็นเกาะแก่งในช่วงกว้างที่สุดของแม่น้ำโขงอยู่ในแขวงจำปาสัก ทางตอนใต้ของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รู้จักกันทั่วไปว่า “สีพันดอน” มาจากคำว่าสี่พันดอน เพราะจำนวนอันมากมายนับไม่ถ้วนนั่นเอง ความกว้างสุดตาของแม่น้ำโขงตอนฤดูน้ำหลากให้ความรู้สึกชุ่มชื่น และเปลี่ยวเหงาไปพร้อมกัน

…มหานทีสีทันดร – แม่น้ำโขงสี่พันดอน… ผมนึกในใจ

เกาะแก่งกลางน้ำโขงนี้ไปสิ้นสุดลงที่ชายแดนลาวต่อกัมพูชา ณ ที่นั้นท้องน้ำทุกสายที่แยกออกไปพากันไหลลงสู่พื้นที่ระดับที่ต่ำกว่า ทำให้เกิดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่ง

ที่ที่เราไปชื่อว่า “น้ำตกหลี่ผี” ที่ได้รับสมญาว่าไนแองการ่าของเอเชีย เพราะความบ้าคลั่งของสายน้ำที่ได้ไหลผ่านเกาะแก่งเหล่านี้นั่นเอง เราเดินทางโดยเรือหางยาวผ่านมหานทีสี่พันดอนที่บ้านนากะสัง เพื่อให้ไปถึงเกาะดอนคอนใต้… ที่นี่มีเกสต์เฮาต์ มีนักท่องเที่ยวมาหลบอยู่มาก บางคนนอนอ่านหนังสือกับเปลญวนที่ผูกไว้ริมน้ำ บางคนปั่นจักรยาน ดูเหมือนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่รวมกับชาวบ้าน ป้ายต่างๆ ที่นี่ไม่ใช่มีแค่เพียงภาษาอังกฤษ แต่ยังมีภาษาฝรั่งเศส ว่ากันว่าคนที่นี่ถ้าอายุมากกว่า 30-40 ปีขึ้นไปก็จะพูดภาษาฝรั่งเศสได้เหมือนกัน

หลี่ หมายถึงเครื่องมือดักปลา ผี หมายถึงคนที่ตายไปแล้ว ที่น้ำตกนี้สมัยก่อน (ในยุคสงครามโลก) เขาคง -หลี่-ผี- ได้เยอะน่าดู ถ้าร่างคนตายนั้นอยู่ในน้ำจำนวนมากจนเรียกเป็นชื่อน้ำตกได้

ครั้งนี้ถือว่าผมได้มาเมืองลาวเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะไม่ได้มาเพื่อการสัมผัสหรือเรียนรู้ทางวัฒนธรรม แต่ผมก็พอได้จะเห็นอะไรคร่าวๆ เราไปที่ปราสาทหินวัดพู (มรดกโลกแห่งที่สองของลาว) กับแก่งหลี่ผี แก่งขนาดใหญ่ขวางทางน้ำโขงที่ต้องมาในช่วงหน้าฝนถึงจะเห็นน้ำมาก …อยากบอกว่าเราไปผ่านการจัดการของ…”ทัวร์”

แม้ว่าทัวร์ของเราจะน่ารัก แต่เราก็ต้องเดินด้วยระยะทางไกลๆ เพื่อที่จะเอาเท้าไปแตะๆ และรีบกลับ ตามธรรมเนียมนิยม ผมเห็นคนไทยพยายามที่จะถ่ายรูปทุกรูปเท่าที่ทำได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และจะ เดินสำรวจทุกซอกเพื่อที่จะบอกกับคนอื่นได้ว่า ได้เห็นมาหมดทุกรูขุมขน

…ผมมองดูฝรั่งที่กำลังนั่งอยู่ริมน้ำตก กำลังดูน้ำตกด้วยอาการเรียบเฉย และซึมซับบรรยากาศ…

ผมก็เป็นหนึ่งในหมู่คนไทยที่ว่าข้างต้น ที่เดินจนเหนื่อยอ่อน มารู้ตัวอีกทีก็ถึงที่พักแล้ว และไม่กี่พักต่อมาก็กลับกรุงเทพฯ ด้วยความเหนื่อยอ่อน

ผมกำลังสงสัยว่า “การท่องเที่ยวสำหรับผมคืออะไร…ระหว่าง… งานอีกงานหรือการพักผ่อน”

ท้ายนี้ คำศัพท์น่ารู้จากลาว
ถ้าเขาพูดถึง ผ้าอนามัย เขาจะหมายถึง ผ้าเย็นเช็ดหน้า
ถ้าเขาพูดถึง ถุงยาง เขาจะหมายถึง ถุงก็อบแก็ป
ถ้าเขาพูดถึง รองเท้า เขาจะหมายถึง ถุงเท้า (รองเท้าของเรา เขาจะเรียกว่า เกอบ)

ส่วน “บักอึดถลาลม” และ หนังเรื่อง “ชู้รักเรือล่ม” ผมถามคนลาวให้แล้ว ปรากฏว่า “ไม่รู้จัก”