รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 16 กันยายน 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนที่ 662.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.11 จุด หรือร้อยละ 0.02 มูลค่าการซื้อขายที่ 2.67 หมื่นล้านบาท โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอย่างมากในวันนี้

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปถึง 125.44 จุด หรือร้อยละ 0.96 โดยปิดที่ 13,209.84 จุด โดยได้รับแรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีก เช่น หุ้นเอสปรี โฮลดิงส์ หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่สองติดต่อกันอีก 19.22 จุด หรือร้อยละ 0.17 ไปปิดที่ระดับ 11,139.36 จุด โดยได้ปัจจัยลบจากการลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางของหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯหลังจากที่ได้มีการลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวลงไป

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน ปิดตลาดลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 10,231.36 จุด ลดลงไป 86.8 จุดหรือร้อยละ 0.84 จากการปรับตัวลดลงของหุ้นโคคา โคลาหลังจากที่บริษัทได้ปรับลดการคาดการณ์ผลกำไรในช่วงครึ่งปีหลังลงไป นอกจากนั้นการที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดความน่าลงทุนของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวลดลงไปอย่างมาก

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่า เงินบาท โดยอยู่ที่ระดับ 41.253 บาท/ดอลลาร์ฯ แต่ได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน และ ยูโรที่ 109.86 เยน/ดอลลาร์ฯ และ 1.2148 ดอลลาร์ฯ/ยูโร

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันนี้ โดยอยู่ที่ 662.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.11 จุด หรือร้อยละ 0.02 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 26,744 ล้านบาท ตลาดปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆตลอดทั้งวัน และยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งได้เข้าซื้อสุทธิเป็นเวลา 15 วันติดต่อกัน โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันนี้

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยลดลง 19.22 จุด หรือร้อยละ 0.17 ไปอยู่ที่ระดับ 11,139.36 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางของหุ้นในกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การที่นักลงทุนยังคงมีความคิดเห็นในเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นของหุ้นหลายกลุ่ม เช่น หุ้นในกลุ่มเหล็กกล้า ได้ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ตลาดไม่ปรับตัวลดลงไปมากนัก

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 13,209.84 จุด เพิ่มขึ้นไป ถึง 125.44 จุด หรือ ร้อยละ 0.96 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีก เช่น หุ้นเอสปรี โฮลดิงส์ หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาค นอกจากนั้น ตลาดยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง โดยนักลงทุนได้คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนเพื่อป้องกันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยได้ลดลงไป 86.8 จุด หรือ ร้อยละ 0.84 ไปปิดที่ 10,231.36 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายที่ 1.3 พันล้านหุ้น โดยได้ปัจจัยลบจากการปรับลดการคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทโคคา โคลา ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นดังกล่าวปรับตัวลดลงไปอย่างมาก ประกอบกับการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี เช่น เวริซอน คอมมูนิเคชันส์ อิงค์ หลังจากที่บริษัทโกลด์แมน แซคส์ได้ลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวลงไป

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดลดลงเช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ 1,896.52 จุด ลดลงไป 18.88 จุด หรือ ร้อยละ 0.99 จากการลดลงของราคาหุ้นทั้งในกลุ่มซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์หลังจากที่มีการปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นในกลุ่มดังกล่าว จากผลสำรวจที่แสดงว่าค่าใช้จ่ายทางด้านเทคโนโลยีจะชะลอตัวลงไปในปีนี้

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาทยังคงทรงตัวอยู่ในช่วงแคบๆเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่ได้แข็งค่าขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 41.18 บาท/ดอลลาร์ฯในบางช่วงของการซื้อขายเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงบวกจากการที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ของไทยติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้แข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับเงินเยน โดยได้รับปัจจัยบวกจากการประกาศตัวเลขผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตประจำเดือน ก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐฯสาขานิวยอร์ค ซึ่งได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 28.3 จากที่ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 18.8 และเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังขยายตัว ทั้งนี้นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักกับตัวเลขดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ในเดือน ส.ค.จากการขยายตัวที่ร้อยละ 0.6 ในเดือน ก.ค.

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้แข็งค่าขึ้นอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ประมาณ 1.2135 ดอลลาร์ฯ/ยูโร โดยได้รับแรงบวกจากตัวเลขผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐฯเดือน ก.ย.ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าเงินจะยังคงปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆ โดยนักลงทุนจะรอดูการประกาศตัวเลขปริมาณเงินทุนไหลเข้าสุทธิในไตรมาส 2 , ดัชนีสภาวะทางธุรกิจประจำเดือน ก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดเฟีย และ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ส.ค.ซึ่งจะมีการประกาศในคืนนี้